“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ เพราะการเป็นเพศทางเลือกไม่ใช่เรื่องผิด” Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น
เป็นซีรีส์ที่เกี่ยวกับ LGBTQ+ ที่สะท้อนมุมมองอีกหลาย ๆ มุมมอง ผ่านตัวละคร ที่มีความหลากหลายอยากให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจ และรักกับเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันกับเรา
กำกับโดย : อูรอส ลิน
ภาพยนตร์แนว : โรแมนติก
Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น
ความรัก LGBTQ การออกมา come out บอกความรู้สึก เรื่องเพศกับความชอบ การบูลลี่กันในโรงเรียน เรื่องราวของ ชาร์ลี กับ นิก ที่เริ่มรู้จักกันในรั้วโรงเรียน ทั้งคู่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
แต่ความรู้สึกดี ๆ ก็มาพร้อมกับความสับสน ความรู้สึกว่าเราชอบอะไรกันแน่ การต่อสู้ดิ้นรน ผ่านการแกล้ง และการต่อสู้ที่จะออกมาบอกความรู้สึกของตัวเอง เป็นซีรีส์ที่มีเรื่องของการ Coming Of Age
การเติบโตของตัวละคร ที่ค้นหาตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการตีแผ่ที่ไม่ใช่ในแง่ที่ดราม่าอย่างเดียว แต่ในเนื้อเรื่องสอดแทรกข้อคิดในแง่ดี ดูแล้วสามารถอมยิ้มตามหนังไปได้เรื่อย ๆ ผ่านตัวละคร 🥰
ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+
ถึงแม้ว่าโลกของเราจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องของการยอมรับความแตกต่าง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ LGBTQ+ ยังมีบางกลุ่มที่เข้าใจแบบผิด ๆ หรือไม่ว่าจะเป็นภาพจำว่าคนกลุ่มนี้ต้องตลก
คนกลุ่มนี้ต้องประสบความสำเร็จ คนกลุ่มนี้ต้องเสียงดัง ปากจัด กล้าแสดงออก ซึ่งการเป็น LGBTQ+ ก็เหมือนคนทั่วไป คนเท่ากัน ที่สามารถมีความรู้สึกต่าง ๆ ได้ เศร้า เสียใจ ผิดหวัง ขี้อาย
นอกจากนี้ยังมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมในการเรียกผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือการที่ไม่ยอมรับว่าการแปลงเพศ ข้ามเพศ ว่าอีกคนได้กลายเป็นเพศที่เขาต้องการจะเป็นแล้วอีกด้วย
สามารถอ่านเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจได้ ขอบคุณข้อมูลจาก arts.chula.ac.th
ตัวละคร
ชาร์ลี
เด็กหนุ่มขี้อาย เป็นคนเงียบ ๆ แล้วเขาได้ออกมา come out ว่าชอบผู้ชายทำให้คนรอบข้างบูลี่ ต่อสู้ดิ้นรถกับสังคมที่ไม่ให้การยอมรับกับการเป็นเพศทางเลือก
นิก เนลสัน
หนุ่มรักบี้สุดฮอต ของโรงเรียน ใจดี สุภาพ ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนที่ชอบแกล้ง ชอบบูลี่เพื่อน จนวันนึงมาเจอกับชาร์ลีในคาบเรียน ได้ทำความรู้จัก และพัฒนาจนเขาเกิดความสับสนกับตัวเอง
*gay crisis วิกฤตความสับสนทางเพศ เพราะว่าในตอนเด็กเขาชอบผู้หญิง ทำให้เกิดความสับสน
ข้อคิด
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษเพราะการเป็นเพศทางเลือกไม่ใช่เรื่องผิด” คำพูดของ นิกส์ ที่ดีมาก ๆ เพราะการที่เราชอบแบบไหน เป็นอะไร ไม่ใช่ความผิดเลย
ไม่ต้องออกมาขอโทษหรือพิสูจน์ตัวเองว่าการที่เป็นแบบนี้คือเรื่องที่ผิด และอีกคนพูดนึงที่ชอบมาก ๆ คือ “ไม่จำเป็นต้องเก่งหรือพิสูนจ์อะไร” ฉันแค่เป็นอะไรสักอย่าง ชอบใครสักคน
และการที่ตัวละคนเกิดการตั้งคำถามกับตัวเอง ได้เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนกลุ่มเพื่อน พอเราได้เจอใครบางคนเหตุการณ์อะไรบางอย่าง อาจทำให้เราเปลี่ยนไป
จากในเรื่องความรักที่ดีจะทำให้เรารักตัวเอง การเป็นโซเชียลซัพพอร์ตให้ใครสักคน ใส่ใจคนรอบข้าง อาจทำให้วัยร้าย ๆ ของใครบางคนเป็นวันดี ๆ เลยก็ได้
เกร็ดความรู้
- Coming Out เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ที่มาจากวลีว่า Coming out of the closet คือการ ‘ออกมาจากตู้’ มักใช้สื่อความหมายถึงการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว การ Come Out โดยตัวของมันเองนั้นไม่ใช่กระบวนการที่เป็นปัญหา เพราะคนเราย่อมมีสิทธิเป็นตัวของตัวเองได้ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
- ในเรื่องจะมีฉากที่ตัวละครต้องจูบแบบที่ไม่อยากจูบซึ่งการกระทำแบบนี้ส่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศได้ การที่จะทำอะไรกับใครสักคนควรได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย การขอ Consent หรือ ถ้าภาษากายอีกฝ่ายแสดงออกว่าต่อต้านควรหยุดทันที
Post Views: 1,316