โดนแบนจากกลุ่ม ดีไม่พอหรือเข้ากับคนอื่นไม่ได้

เรื่องAdminAlljitblog

โดนแบนจากกลุ่ม โดนปฏิเสธจากกลุ่มเพื่อนรู้สึกเข้ากับคนอื่นไม่ได้.. หรือที่เรียกว่า Social Rejection เพราะอะไรการไม่เป็นที่ยอมรับ ถึงทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด

การปฏิเสธทางสังคม โดนแบนจากกลุ่ม ( Social Rejection ) คืออะไร ? 

สารบัญ

Social Rejection คือ การถูกปฏิเสธทางสังคม การโดนแบน การโดนไล่ออกจากกลุ่ม สังคม ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หรือการที่เราโดนปฏิเสธจากใครสักคน เช่น เลิกกับแฟน นับว่าเป็นการปฏิเสธทางสังคมได้หมด 

 

การกีดกันทางสังคมหรือการปฏิเสธจากกลุ่มจัดเป็นวิธีการลงโทษทางสังคมวิธีหนึ่ง โดยคนถูกกีดกันทางสังคมจะรับรู้ว่าโอกาสที่ตนจะใช้ชีวิตหรืออยู่รอดในสังคมลดน้อยลง ในบางวัฒนธรรม

 

การกีดกันทางสังคมเปรียบได้กับ เป็นความตายทางสังคม เพราะการไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มหรือสังคม ก็จะทำให้บุคคลไม่มีคุณค่าทางสังคม เสมือนว่าไม่มีตัวตนอยู่ในสังคมอีกต่อไป

 

 

Social Rejection โดนแบนจากกลุ่ม มีแบบไหนบ้าง?

1. การแบนจากสังคม 

อาจเกิดจากการที่เราทำผิด หรือ ทำให้ใครไม่พอใจ หรือ อาจจะไม่ได้ผิดจริง แต่ทำให้สังคมรอบข้างแบน เพราะรู้สึกว่าเราทำไม่เหมือน ไม่ถูกต้อง

 

หรือในกรณีที่เราทะเลาะกับใครซักคน แล้วเขาเอาเรื่องราวไปพูดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้อีกหลาย ๆ คนในกลุ่มแบนเรา

 

2. การเชิญออกจากงาน 

การถูกไล่ออกจากงาน คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างใหญ่กับชีวิต และมีผลทำให้รู้สึกว่า ไม่เป็นที่ยอมรับ และมากไปกว่านั้น อาจเกิดคำถามว่าทำไมถึงเป็นเรา การปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่

 

ตัวอย่าง  กรณีที่เพื่อนใหม่ ไม่คุยด้วย อาจจะมีทั้งแบบตั้งใจกีดกันหรือ ไม่ได้ตั้งใจกีดกัน เพียงแค่ยังไม่คุ้นเคย ยังไม่รู้จะเข้าหาพูดคุยกันอย่างไร  อาจทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนปฏิเสธจากสังคมได้

 

3. ความแตกต่าง วัฒนธรรม , สีผิว , เชื้อชาติ  หรือฐานะ

เรื่องนี้เรามักสังเกตพบเห็นได้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะในชีวิตจริง หรือตามหนัง ซีรีย์ ที่เป็นเรื่องของการบูลลี่ กลั่นแกล้ง คนที่เป็นส่วนน้อยในสังคม และแตกต่างจากตัวเอง  

 

4. การบูลลี่  

การถูกกลั่นแกล้ง ล้อเลียน รังแก จากเพื่อนหรือสังคม ย่อมทำให้เรารู้สึกแย่และ รู้สึกแตกต่าง ก็เป็นเหตุผลหลัก ๆ เลยที่ทำให้เกิดความรู้สึก ว่าตนถูกปฏิเสธ 

 

 

Social Rejectionหรือ โดนแบนจากกลุ่ม กระทบด้านไหน ?

1. พฤติกรรม

มีการวิจัยค้นพบว่า คนที่ถูกปฏิเสธทางสังคม จะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและรุนแรงขึ้น 

 

2. ความเจ็บปวดทางอารมณ์

งานวิจัยจาก Ethan Kross ศาสดาจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ Edward Smith จากมหาวิทยาลัย โคลัมเบีย อธิบายว่า การถูกปฏิเสธจากสังคมส่งผลกระทบต่อสมองไม่ต่างจาก เจ็บปวดทางร่างกายเลย 

 

3. Self-esteem 

ความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง อาจจะทำให้ Self-esteem ลดลงได้ เช่น เวลาโดนเพื่อนแบน แล้วเรารู้สึกว่า เราไม่ดีพอ เราไม่มีคุณค่าหรือประโยชน์อะไร เพื่อนถึงไม่ต้องการ

 

งานวิจัยพบว่าหากบุคคลถูกกีดกันหรือ ถูกปฏิเสธจากกลุ่มเป็นประจำหรือในระยะเวลานาน บุคคลจะเกิดความสิ้นหวังจากการเรียนรู้อีกด้วย

 

4. สุขภาพจิต

Social Rejection จะทำให้มีความรู้สึกทางลบมากขึ้น เช่น วิตกกังวล เศร้า โกรธ ซึ่งสามารถนำไปไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือ ปัญหาทางสุขภาพจิตอื่น ๆ 

 

5. ชีวิตประจำวัน

ลดความสามารถในการทำงานที่ต้องใช้ความคิดและสติปัญญา อันนี้จะรวมทุกอย่าง ไม่ว่าจะการทำงาน การตัดสินใจ การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ 

 

จุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ เราไม่จำเป็นต้องโดนปฏิเสธแบบโต้ง ๆ ตรง ๆ  ถึงจะรู้สึกแย่เท่านั้น การไม่ได้รับความสนใจมากพอที่จะตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของเรา อาจทำให้รู้สึกแย่เหมือนกัน 

 

เช่น ไปงานสังสรรค์ของที่ทำงานใหม่ แล้วไม่มีใครคุยด้วย กรณีนี้อาจจะไม่ใช่ว่า เพื่อนร่วมงานตั้งใจกีดกันเรา แต่เขาอาจจะแค่ยังไม่คุ้นเคย ไม่รู้จะเข้าหาหรือพูดคุยยังไงเฉย ๆ

 

 

เพราะอะไร Social Rejection ถึงส่งผลกระทบ ?

1. มนุษย์มีความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม 

มนุษย์ต้องการการยอมรับเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตามวิวัฒนาการของสัตว์สังคม หากจะอยู่รอดได้ต้องมีเผ่าพันธุ์  นักจิตวิทยาหลายท่านเสนอความคิดเห็นว่า เมื่อสมัยก่อนเวลามนุษย์จะต้องออกล่าสัตว์

 

จำเป็นต้องไปกันเป็นกลุ่ม หาอาหารเป็นกลุ่ม หิวหรือกระหายก็ไม่สามารถที่จะทำคนเดียวได้  ความต้องการการยอมรับของเรากลายเป็นกลไกเพื่อความอยู่รอด การที่โดยกลุ่มทอดทิ้งนั้นแน่นอนจะทำให้เกิดความเจ็บปวด

 

ทางกาย ทางใจ ตามมาแน่นอน เมื่อมนุษย์เกิดการวิวัฒนาการขึ้น การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เช่น โดนทอดทิ้ง แต่ว่าความรู้สึกในเรื่องความเจ็บปวดยังคงฝังรากลึกอยู่ในสัญชาตญาณของมนุษย์อยู่เสมอ

 

2. การได้รับการยอมรับเป็นความต้องการพื้นฐาน

ตามทฤษฎี Hierarchy of needs จะมีขั้นที่เรียกว่า love & belonging แปลว่า ความรักและการเป็นเจ้าของ เพราะมนุษย์ต่างต้องการความสัมพันธ์

 

 

จัดการความรู้สึกอย่างไร? 

ข้อมูลจาก APA ทางวิทยาศาสตร์บอกว่า การมีปฏิสัมพันธ์ทางบวกกับคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัว จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร opioids ออกมาทำให้รู้สึกดีขึ้น

 

ฉะนั้น ถ้าเราโดนปฏิเสธจากที่ทำงาน ลองกลับมาหาครอบครัวหาเพื่อนสนิท คนที่ไว้ใจได้ การกระทำอื่น ๆ ที่ช่วยให้สารนี้หลั่งมีอีกหลายอย่าง เช่น ออกกำลังกาย อาจช่วยได้เช่นกัน

 

Guy Winch นักจิตวิทยากล่าวว่า

 

“อันที่จริงการถูกปฏิเสธส่วนมากเกิดจากความเข้ากันไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่ลดลง” 

 

 

เมื่อเพื่อนแบน รับมือยังไง?

1. คลี่คลายปัญหาความสัมพันธ์

ถ้าเพื่อนแบนด้วยสาเหตุว่า เรามีเรื่องผิดใจกัน ทะเลาะกัน อาจจะต้องใช้การสื่อสารและการปรับจูนกัน ว่าจะเจอกันตรงกลางได้อย่างไร

 

2. รับมือกับการถูกปฏิเสธ ด้วยการถามว่าทำไม 

เคยตั้งคำถามไหมว่าภายใต้การปฎิเสธนั้นมีความรู้หรือความรู้สึกใดแอบซ่อนอยู่ ดังนั้นเป็นเรื่องดีกว่ามากหากเราจะเริ่มจากการตั้งคำถามและมองว่าเหตุผลที่เราถูกปฏิเสธมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน 

 

หากพิจารณาแล้วว่าเหตุผลของผู้ปฏิเสธฟังขึ้นจริง ๆ เราก็จะสามารถนำความเห็นดังกล่าวไปพัฒนาความคิดเดิมที่เราวางไว้ให้ออกมาเป็นแผนงานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในอนาคต

 

กล่าวโดยง่ายว่าทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนที่พร้อมรับมือเมื่อถูกปฏิเสธ คือการพร้อมรับฟังความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น

 

3. สำรวจตัวเอง

ว่าเรามีได้พูดหรือทำอะไรให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีหรือ ให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า ถ้าเราทำ เราก็แก้ไข แต่ถ้าเราไม่ได้ทำ เราจะต้องยอมรับและหาเพื่อนกลุ่มใหม่ที่เข้ากันได้ ไปกันได้ ยอมรับในสิ่งที่เป็นของกันและกัน  

 

4. ระบายอารมณ์ 

เราจะเรียนรู้จากปัญหาไม่ได้เลย หากไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดเป็นปัญหาจริง ๆ กลไกนี้อธิบายได้ว่ายิ่งเราระบายอารมณ์ออกมากเท่าไหร่ เปลือกที่ครอบคลุมปัญหาอยู่ก็จะค่อย ๆ ถูกกระเทาะออกมา

 

จนเปิดโอกาสให้เรามองปัญหาได้แบบองค์รวม ดังนั้นเราจึงสามารถนำความรู้ที่เหลือไปศึกษา, พัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป

 

 

ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ ทำยังไงดี?

เป็นฝ่ายเข้าหา

บางครั้งเราอาจจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเองอีกฝ่ายเอง เพราะเขามีกลุ่มเพื่อนอยู่แล้ว เราเลยอาจลองหาจังหวะ โอกาส ในการเข้าไปพูดคุยด้วยเพื่อให้คุ้นเคยกันและกันมากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ต่อไป 

 

ตัดใจ

ในกรณีที่เขาไม่ยอมรับเราแบบเปิดเผยด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง อาจจะต้องตัดใจ เราเชื่อเสมอเรื่องความสัมพันธ์ว่า ไม่ใช่อะไรที่ตบมือข้างเดียวได้ จะดีแค่ไหน พยายามแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ

 

อาจจะด้วยประสบการณ์บางอย่างทำให้เกิดอคติ และปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม , สีผิว , เชื้อชาติ ด้วยความที่ปัจจัยพวกนี้เปลี่ยนไม่ได้

 

เราต้องยอมรับสิ่งนั้นให้ได้ในวันที่คนอื่นไม่ยอมรับก่อน แล้วเราค่อยไปหากลุ่มอื่น ๆ ที่ยอมรับในแบบที่เราเป็นเรา และเราไม่ได้มีหน้าที่ไปเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเขาขนาดนั้น

 

 

ที่มา:

The pain of social rejection

The Art of Rejection

หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด