ละคร ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ มีผลต่อบาดแผลในใจเรา

ละคร ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ มีผลต่อบาดแผลในใจเรา ได้อย่างไร

เรื่องAdminAlljitblog

ละคร ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ มีผลต่อบาดแผลในใจเรา ในยุคที่ซีรีส์ ละคร และภาพยนตร์มีให้เลือกชมอย่างหลากหลาย ทั้งทางออนไลน์ ทีวีดิจิทัล หรือผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เราอาจไม่รู้ตัวว่าความบันเทิงเหล่านี้

 

ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเราอย่างไร  โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาในเรื่องราวเหล่านั้นไปกระทบกับ “บางสิ่ง” ที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเรา

ละคร ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ มีผลต่อบาดแผลในใจเรา ได้อย่างไร

จากประสบการณ์ส่วนตัวกับภาพยนตร์ Avengers: Endgame ว่าแม้เขาจะไม่ได้มีความทุกข์ใจในช่วงเวลานั้น แต่การที่เขาได้ติดตามเรื่องราวของ Tony Stark อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขารู้สึกผูกพัน

 

และเมื่อถึงฉากสำคัญ—การเสียสละของโทนี่—เขาถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟาย ทั้งที่โดยปกติแล้วไม่ใช่คนที่ร้องไห้ง่าย เขาย้อนคิดและพบว่า

 

ความผูกพันกับตัวละครนั้นสะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพ่อ ตัวละคร Tony Stark ที่เคยมีปมกับพ่อ และต่อมากลายเป็นพ่อที่ดีในเรื่องนั้น ทำให้เขารู้สึกอินอย่างลึกซึ้ง

 

ไม่ใช่ทุกคนที่จะดูละครแล้วจอยเสมอไป มีบางคนที่ดูละครหรือซีรีส์แล้วรู้สึกแย่ เพราะเรื่องราวที่สะท้อนกับชีวิตจริงของตน แต่จบไม่เหมือนกัน เช่น ในกรณีของคนที่ดูซีรีส์แล้วบอกว่า “มันปลอม” หรือ “มันเพ้อเจ้อ”

 

บางครั้งการปฏิเสธเหล่านี้เป็นผลจากความผิดหวังที่ตอนจบของซีรีส์ไม่เหมือนกับชีวิตจริงของเขา ซึ่งอาจไม่มีตอนจบแบบ Happy Ending

 

สิ่งนี้จึงตอกย้ำว่า ความบันเทิงในรูปแบบสื่อภาพยนตร์และละคร อาจกลายเป็นเครื่องกระตุ้นให้บาดแผลทางใจในอดีตถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ “อารมณ์ล้น” ซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะรับมือ

 

 

เราจัดการความรู้สึกนั้นได้อย่างไร?

 หากเราดูซีรีส์หรือภาพยนตร์แล้วรู้สึกว่า “บางอย่างมันโดนใจเกินไป” จนรู้สึกจุก เจ็บ หรือสับสน ให้กลับมาย้อนดูความรู้สึกของตนเองก่อน ถามตัวเองว่า

 

–  รู้สึกอะไร ?

–  สิ่งนี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ใดในชีวิตจริงของเรา ?

–  อารมณ์นี้เกิดจากสิ่งที่เห็น หรือจากบางอย่างที่เรายังไม่ได้จัดการในใจ ?

 

เมื่อสามารถแยกอารมณ์ออกจากเนื้อหาของซีรีส์ได้ เราจะเริ่มเข้าใจว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่กระทบเรา ไม่ใช่แค่เรื่องราวในจอ แต่มันคือความรู้สึกที่อยู่ในตัวเรามานานแล้ว

 

 

ไม่ต้องห้ามตัวเอง แค่รู้ทันใจเรา

 

ไม่ได้หมายความว่าหากรู้ว่าตนเองมี trauma แล้วต้องหยุดดู ละครหรือซีรีส์ไปเลย เพราะบางคนอาจจะรู้สึกดีขึ้นจากการได้ร้องไห้หรือปลดปล่อยผ่านตัวละคร

 

เพียงแต่ต้องมี “สติรู้เท่าทัน” ว่าเมื่อใดที่ควรเบรกตัวเอง เพื่อไม่ให้จมอยู่กับอารมณ์นั้นนานเกินไป

 

ความบันเทิงก็คือความบันเทิง และภาพยนตร์ก็คือ ศิลปะ ไม่ใช่ความจริงที่ต้องไปโทษหรือเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง เพราะมันคือโลกที่สร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นความรู้สึกของเรา

 

แต่การจะเข้าไปในโลกนั้นมากแค่ไหน และจะพาตัวเองกลับมาอย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง

 

 

บทความอื่น ๆ ที่ Alljit Blog