แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว

แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว ทำไงดี? อึดอัดมาก

เรื่องAdminAlljitblog

เมื่อ แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว จะมีวิธีพูดอย่างไรให้เขาเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง

 

Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

 

จะมาบอกเล่าและเเนะนำวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว

เมื่อ แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว แฟนต้องการทราบรหัสผ่านหมดทุกอย่าง 

ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์  ตามจริงคุณเองก็คงไม่ได้อยากที่จะปิดบัง แต่บางครั้งคุณอาจเกิดความรู้สึกอึดอัดใจ

 

เพราะบางทีคนเราก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัว  มีบางส่วนในชีวิตที่คุณไม่อยากให้ใครเข้ามาก้าวก่าย ซึ่งบางคู่รักเริ่มแรกก็อาจจะยินดีเปิดเผยที่จะให้แฟนได้รับรู้  

 

แต่นานไปก็อาจจะเริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อมันมากจนเกินไป เพราะสิ่งที่ตามมาคือการเริ่มมีคำถาม เช่น คนนั้นใคร ทำไมต้องกดหัวใจ ทำไมต้องคอมเมนต์ 

 

ซึ่งคนนั้นเขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนที่โรงเรียนเก่าหรือเพื่อนที่ทำงาน

 

นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุเริ่มต้นที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกว่าเขาไม่มีความเชื่อใจในตัวคุณ ทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี จนทำให้คุณเกิดความรู้สึกเหนื่อยใจ เหนื่อยที่จะตอบ เหนื่อยที่ไม่เข้าใจกัน

 

ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบชีวิตคู่เป็นวงกลมสองวงที่เคลื่อนมาเจอกัน ไม่ใช่สองวงที่เข้ามาทับกัน อย่าพยายามเอาตัวคุณไปอยู่กับเขา 100% หรือเอาตัวเขามาอยู่กับคุณ 100%

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเจอปัญหา อย่าพยายามตั้งเป้าว่าจะต้องแก้ไขปัญหานั้นให้ได้

 

เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าจะแก้ไขได้หรือแก้ไขไม่ได้ แต่มันอยู่ที่ว่าจะคุณเข้าใจปัญหานั้นได้ชัดเจนแค่ไหน เริ่มจากการคลี่คลายปัญหานั้นให้ชัดเจนก่อนแล้วคุณจะเริ่มเห็นหนทางว่าควรจะไปในทิศทางไหน 

 

ซึ่งใน ณ ที่นี้ก็อาจจะพูดได้ว่ามี 2 มุม คือตอนนี้คุณอาจจะกำลังรุกล้ำอีกฝ่ายหรือตอนนี้อีกฝ่ายกำลังรุกล้ำคุณอยู่

คุณเคยเกิดข้อสงสัยไหมว่า เฟซบุ๊คคือพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่สาธารณะ?

คำตอบของนักจิตวิทยาคุณวันเฉลิม คงคาหลวง ได้ให้คำตอบไว้ว่า “ มันคือพื้นที่ส่วนตัวท่ามกลางสวนสาธารณะ ”

 

ขออธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น  เสมือนตัวคุณคือแอคเคาท์ที่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณโพสอะไรคนอื่นเห็นหมด

 

เปรียบเสมือนคุณพูดหรือร้องเพลงในสวนสาธารณะนั่นเอง เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มีความซับซ้อน 

 

อยากให้คุณทำความเข้าใจพื้นฐานอันดับแรก นั่นคือจะต้องมีการพูดคุยหรือกดไลค์คนอื่น และการเป็นแฟนกันใช่ว่าจะสามารถเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของแฟนได้ในทุกเรื่อง

 

เพราะในบางครั้งคนเราอาจจะมีโลกส่วนตัวที่ไม่อยากให้แฟนรู้ เช่น กลุ่มเพื่อนสาวที่พูดคุยเรื่องของผู้หญิงด้วยกัน หรือด้านมืดบางมุมที่เราไม่อยากให้แฟนรับรู้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถมีความลับหรือโกหกเรื่องที่ทำไม่ดีต่อแฟนคุณได้

 

แต่หมายถึงพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นโลกส่วนตัวของเขาจริง ๆ เพราะทุกคนมีไลฟ์สไตล์ที่แฝงอยู่ในแต่ละบุคคล ที่มีความชอบไม่เหมือนกัน

หากความสัมพันธ์ของคุณกับเขายังอยู่แค่ในขั้น “ทำความรู้จักพูดคุยกัน”

ก็อาจจะเป็นแค่การคุยกันแบบผิวเผินไม่ได้ลงลึกรายละเอียดที่เราจะมาคุยกันถึงส่วนของปัญหา

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณส่งสัญญาณว่าตอนนี้คุณกับเขาเป็นมากกว่านั้นหรือที่เราเรียกกันว่า แฟน และพร้อมที่จะเริ่มให้เขาเข้ามาในชีวิตอีกก้าวหนึ่ง

 

อยากให้คุณคุยกันให้ชัดเจนว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรกฎกติกาสำหรับคุณสองคนให้สร้างข้อตกลงกันตั้งแต่แรกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง

 

เช่น คุณตกลงจะให้พื้นที่ส่วนตัวของคุณกับเขาตั้งแต่แรกหรือตกลงกันว่าคุณจะให้พื้นที่ส่วนตัวของคุณได้มากน้อยแค่ไหน หาตรงกลางระหว่างคุณสองคนให้เจอ

 

ถ้าหากคุณตกลงจะให้เขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ตอนหลังคุณเกิดเปลี่ยนไป นั่นคือตัวคุณเองที่ผิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับเขา คุณต้องรับผิดชอบในส่วนนี้

ส่วนกรณีที่ “ไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก”

อาจจะต้องมีการพูดคุยกันใหม่ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมากมายขนาดนี้ ซึ่งบางครั้งอีกฝ่ายทำตัวให้น่าสงสัยจนแฟนต้องขอเช็คอะไรบางอย่างหรือเปล่า

 

หรืออีกฝ่ายรู้สึกว่ามันมากจนเกินไปซึ่งแท้จริงแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ซีเรียสเรื่องให้รหัสผ่าน

 

แต่เกิดข้อสงสัยว่าทำไมถึงเข้าอยู่บ่อย ๆ ครั้ง ต้องการที่จะค้นหาอะไรกันแน่ เพราะเรื่องพวกนี้มันสื่อได้ถึงความไม่ไว้ใจกันและกัน

 

และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักบางคู่มีการกระทบกระทั่งจนส่งผลต่อความสัมพันธ์ จึงอยากให้ลองหันหน้าคุยกันแบบจริงจัง เพื่อหาทางออกที่ดีสำหรับคุณสองคน

ถ้าคุยกันไม่ได้ควรจะทำยังไงดี? 

อยากให้มองกลับมาดูความทุกข์ของตัวเองเป็นหลัก ต้องยอมถึงจุดที่ขัดแย้งกัน เรียนรู้ผ่านความทุกข์

 

เพราะบางครั้งคนเราไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เราทำนั้นอาจจะไปทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรได้บ้าง

 

ซึ่งมีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ กว่าจะรู้ว่าสิ่งใดมีค่า เราก็สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วกว่าจะรู้ว่าความรักนั้นมีความอบอุ่นในความสัมพันธ์เป็นเช่นไร เราก็เผลอทำลายสิ่งสำคัญนั้นไปแล้ว ”

 

บางครั้งความสัมพันธ์นั้นอาจจะยังอยู่ แต่สิ่ง ๆ นั้นได้หายไปแล้ว และกว่าจะรู้ตัวก็เป็นอย่างไปแล้ว และส่วนมากก็มาจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำกันอยู่ซ้ำ ๆ 

 

ฉะนั้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้เรียนรู้ว่าความเป็นจริงนั้นเป็นยังไงในจุดที่ไม่เหลือความรู้สึกอะไรแล้ว ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคือการที่เขายังเข้าใจคุณในตอนที่คุณยังหลงเหลือความรู้สึกอยู่ หรือเขาเข้าใจคุณในวันที่คุณไม่ได้รักเขาแล้ว 

 

ถ้าคุณยังอยากที่จะเข้าใจกันในวันที่ใจยังรักกันอยู่ก็ต้องสื่อสารกันให้เข้าใจ สื่อสารกันให้มากขึ้นตามวิธีของตัวเอง

 

ว่าคนรักของคุณเขาจะเข้าใจในการสื่อสารแบบไหน เพราะบางคนเหมาะกับลูกไม้แรง ๆ บางคนเหมาะกับการพูดคุยแบบนิ่มนวล แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่สื่อสารให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลยนั่นก็เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข           

 

ในบางครั้งคุณอยู่ในความสันพันธ์ที่ “ไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย” นั่นแปลว่าความสันพันธ์นี้เริ่มคุกคามชีวิตของคุณ แต่คุณพยายามที่จะรักษามันมากจนเกินไป ลองกลับมาถามตัวเองดูใหม่ว่า

 

ถ้าเจอปัญหานี้ คุณควรจะทำยังไงคุณควรจะปลดตัวเองออกจากความรู้สึกนี้แล้วไปเรียนรู้หาความสัมพันธ์ที่มั่นคงโดยที่คุณไม่ต้องทำร้ายใครและตัวคุณเองก็มีความสุข

 

ลองถามตัวเองให้แน่ชัดว่าจะอยู่แบบนี้ต่อไปหรืออยู่แบบไหนที่คุณพึงพอใจในแบบที่หัวใจของคุณเรียกร้อง 

บางคนยอมอยู่เพราะ “กลัวความเหงา”

บางคนไม่อยากออกจากสิ่งที่เป็นปัญหาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าออกไปแล้วเรื่องนี้จะจบ แต่กลับคิดว่าออกไปอาจจะเจอปัญหามากกว่าเดิมเลยกลัวการที่จะออกไป

 

แต่อยู่ต่อก็คิดว่ามันจะดีสุดท้ายก็ไม่ดีและยิ่งพยายามทำให้มันดีแค่ไหนมันก็ยิ่งอึดอัดใจขึ้นทุกวันกลายเป็นปัญหาซ้อนปัญหา

 

ไม่ว่าคุณจะพึงพอใจแบบไหนให้คุณคิดไว้เสมอว่าทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง และคนเราก็มักจะเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองเสมอ ชีวิตมีทางเลือกและเงื่อนไข  ขอให้เลือกตามเสียงหัวใจของคุณและดีต่อใจของคุณ

ถ้าหากคุณเป็นคนที่ แฟนไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว “คอยตามเช็คแฟนอยู่ตลอดเวลา”

ลองถามตัวเองว่าคุณทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? เพื่อความปลอดภัย เพื่อความเชื่อใจ กลัวแฟนนอกใจ หรือกลัวความผิดหวัง

 

ถ้านั่นคือคำตอบชัดเจนเลยว่าคุณไม่สามารถรับมือกับความผิดหวังนั้นได้ จนไปบีบคนรักของคุณเพื่อความสบายใจของตัวคุณเอง

 

ทำให้แฟนของคุณเขารู้สึกอึดอัดใจ และไม่ช้าหรือเร็วเขาก็จะเดินออกไปจากคุณอยู่ดี เปรียบเสมือนคุณกลัวเขาหนี คุณก็เอากรงไปขังเขา ถ้ากรงนั้นมันแน่นจนเกินไป วันหนึ่งเขาก็อาจจะเฉาตายแบบไร้วิญญาณ

 

ถ้ามองไปในจุดที่ระแวงกันและกันกลัวว่าเขาจะนอกใจคุณ นั่นคือปัญหาความทุกข์ของคุณที่คุณไม่สามารถรับความผิดหวังได้จนต้องบีบเขาให้ถึงที่สุดแต่ถ้าแฟนคุณเขาโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไข 

 

ดังนั้นพฤติกรรมต่าง ๆ ที่แฟนคุณหรือตัวคุณเป็นอยู่ในตอนนี้อาจจะเกิดจากความหึงหวง  ซึ่งทางแก้ปัญหาหลัก ๆ คือ การสื่อสาร และเราพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อย ๆ ครั้งว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการที่จะทำให้คนสองคนเข้าใจตรงกัน

 

ถ้าหากไม่มีการสื่อสารก็ยากที่จะเข้าใจในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน มีภาษาเพื่อให้เข้าใจกันและกัน และเพื่อให้อยู่ได้ด้วยสายใยสัมพันธ์ สิ่งที่อยากจะบอกคือ ต่อให้คุณรู้ทุกรหัสผ่านของเขา

 

แต่ถ้าเขาคิดที่จะนอกใจเขาทำได้ทุกเมื่อ เพราะนั่นคือตัวบุคคล นิสัยของตัวบุคคลที่ไม่ใช่รหัสแอคเคาท์ ถ้าเขาคิดที่จะนอกใจ เขาทำตอนที่ไม่มีคุณอยู่

 

วันนี้จึงอยากชวนให้คุณลองคิดใหม่ อยากให้คุณลองเปิดใจ วัดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รักกันควรเชื่อใจกัน และให้พื้นที่ส่วนตัวของกันและกันเพราะฉะนั้นพยายามหันหน้าพูดคุยกันให้เยอะ ๆ