นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

เรื่องAdminAlljitblog

อายุเท่านั้นต้องมีเงินเก็บเท่านี้ ต้องมีรถ มีบ้าน ทำงานที่มั่นคงตามที่คนอื่นๆเคยพูดและคาดหวังไว้ แต่นั่นใช่ความสุขของเราจริง ๆ หรือเปล่า?

 

จะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่ได้ทำตามที่ใครหลายๆคนคาดหวังไว้ แต่เราเลือกที่จะทำในสิ่งที่เรามีความสุขและใช้ชีวิตในแบบของเราเอง 

 

หนังสือ  ” นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ ” ที่พาจะมาทุกคนมาชวนกันหาคำตอบว่าจริง ๆ แล้วความสุขของชีวิตเราคืออะไรกันแน่

 

Alljit ร่วมกับ อ่านแล้ว อ่านเล่า (ธนานนท์ โดมทอง) รายการที่จะพาคุณท่องเข้าไปในโลกของหนังสือพร้อม ๆ กับท่องเข้าไปในจิตใจของตัวคุณเอง

เคยเหนื่อยที่จะต้องทำตามความคาดหวังของคนอื่นบ้างไหม? 

นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

ทฤษฎีหนวดเครา

นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่าน เขียนโดยคุณฮาวัน (Ha Wan) นักเขียนชาวเกาหลีนอกจากจะเป็นผู้ที่เขียนหนังสือ เล่มนี้แล้วเขายังเป็นนักวาดรูปประกอบ

 

ดังนั้นในหนังสือไม่ว่าจะเป็นปกหรือเนื้อหาภายในเล่มก็จะมีเป็นภาพการ์ตูนสอดแทรกอยู่ด้วยตลอดทั้งเล่ม

 

หลาย ๆ ครั้งมีคนบอกให้เราทำโน่นทำนี่ ถ้าเกิดเราพยายามจะต้องประสบความสำเร็จแน่เลย แต่ละครั้งที่เราเลือกเดินตามเส้นทางที่คนอื่นเดินเพราะว่าเห็นว่าผลลัพธ์น่าจะดี

 

จะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่ออกเดินทางและเราเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ทำสิ่งที่เราชอบให้เต็มที่

 

จะเป็นอย่างไรถ้าเราได้ลองใช้ชีวิตในเส้นทางที่แตกต่างกันออกไปกับคนอื่น สุดท้ายไม่มีใครบอกได้ว่าเลือกแบบไหนถึงจะถูก  ขนาดบางครั้งเราที่คิดมาอย่างดีแล้ว ชีวิตนี้ก็ยังเล่นตลกกับเรา 

ความเพียร

คุณฮาวันเล่าถึง “ความเพียรที่หักหลังเรา” เราทุกคนน่าจะต้องเคยถูกสอนให้เชื่อว่าความพยายามจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ

 

แต่จริง ๆ แล้ว ความพากเพียรก็ใช่ว่าจะมอบผลรางวัลเสมอไป ฉันใดมีการไม่พากเพียรก็ใช่จะทำให้เราชวดทุกผลรางวัลฉันนั้น

 

หลาย ๆ ครั้งเลยที่เราจะทุกข์ใจเพราะว่าเราพยายามอย่างเต็มความสามารถแล้ว แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามที่เราคาดเอาไว้

 

ในเรื่องของความพยายามหรือไม่พยายามผลลัพธ์อาจจะแตกต่างออกไปในแต่ละกรณีการที่เราใช้ความพยายามลงไป

 

อาจจะเป็นการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จแต่จริง ๆ แล้วก็มีเรื่องของโชคเข้ามาเกี่ยวด้วยเยอะเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเราเกิดพยายามเรื่องใด ๆ แล้วถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่อยากให้กดดันตัวเองมากเกินไป 

แรงใจของฉันใช้เพื่อใคร

ในปัจจุบันที่เขาเรียกว่า “โลกแห่งแพชชั่น” ถึงแม้จะมีคอนเท้นต์ที่ปลุก passion อยู่มากมายเลย แต่การที่ใครจะมี passion หรือไม่เป็นเรื่องที่ฝืนกันไม่ได้

 

เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกถ้าหากเราจะขาดไฟหรือขาด passion ต่อให้เราขาดไฟแรงไปบ้างแต่เราก็ยังทำงานกันได้ดี

ทางของตัวเอง

บทนี้เขาวาดการ์ตูนเป็นเรื่องของที่เขานั่งคุยกับเพื่อน เพื่อนถามว่า “ยังไม่แต่งงานอีกหรอ ยังเช่าห้องอยู่อีกหรอ ทำไมถึงไม่ซื้อและผ่อน ยังไม่มีรถเหรอ?”

 

ผู้เขียนก็ถามกลับไปว่า “นายไปได้รับคู่มือมีชีวิตมาจากที่ไหนหรอ? เขามีแจกตามสำนักงานเขตเหรอ?” ผู้เขียนบอกว่าตัวเขาเองไม่มีสักข้อเลยที่เพื่อนเขาถาม ก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่าเราผิดหรือเปล่าที่ไม่เหมือนกับคนหมู่มาก

 

เขาก็เลยตั้งคำถามกับคำถามเหล่านี้แล้วก็รู้สึกขัดแย้งในใจมาตลอดเลย  จริง ๆ เราก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องไปอธิบายเหตุผลของเราให้คนเดียวเข้าใจว่าทำไม

 

บางครั้งเราไปสนใจสายตาคนอื่นที่มองมาที่เรามากเกินไปหรือเปล่า เราอาจจะแคร์ผู้อื่นมากเกินไปหรือเปล่า?

I can’t do it.

ผู้เขียนเล่าถึงกลยุทธ์การเล่นหุ้นแบบ Cut loss ก็คือการยอมรับความผิดพลาดว่าเราตัดสินใจผิด แล้วเราก็เลยขายหุ้นออกไปเลย เพื่อไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่า ณ เวลานั้น ๆ ที่เป็นอยู่ปัญหาก็คือคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ตัดใจไม่ลง

 

คิดถึงต้นทุนที่เสียไปที่ต้องขาดทุนไป แต่คนเหล่านั้นลืมมองว่าในอนาคต การที่เรายังถือหุ้นตัวนั้นต่อแล้วไม่ Cut loss ก็ทำให้เราเสียโอกาสที่จะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อหุ้นตัวอื่น

 

“การยอมแพ้ที่ฉลาดต้องอาศัยหัวใจที่กล้าหาญ” ต้องกล้าที่จะยอมแพ้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม 

วันหน้าจะทำมาหากินกันอย่างไร

เขาพูดถึงความฝันของมนุษย์ทำงานที่เป็นคนเกาหลี คนส่วนมากคิดที่จะเปิดร้านของตัวเองหลังเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่เคิดว่าจะขายไก่ทอด การที่คนที่มีการงานที่ดีแต่ว่าเขายังมีความฝันในเรื่องของการทำงานหลังเกษียณแบบนี้

 

น่าจะสื่อเป็นนัยยะก็ได้คำว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหนื่อยและเบื่องานในปัจจุบันของเขาถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่ดี ผู้เขียนบอกว่าจากมุมมองของเขา คนเกาหลีขาดความหลากหลาย ฝันอะไรเนี่ยก็ฝันแบบเดียวกัน ฝันเหมือนกันไปหมดเลย 

สิทธิ์ที่จะลอง

“จงอย่าเลือกทางเลือกที่ทำให้เราไปโทษคนอื่นในภายหลัง” ถ้าหากเราเลือกตามความต้องการของคนอื่นแล้วเกิดไม่ประสบความสำเร็จขึ้นมา เราก็จะมาโทษและนึกโกรธคนนั้นรวมถึงเสียดายตลอดชีวิตหากทำตามเสียงหัวใจของตัวเองอย่างน้อยเราก็จะไม่นึกโทษคนอื่น

 

การมีความฝันทำให้หัวใจเราเต้นรัวแต่การมุ่งหน้าทำตามความฝันก็อาจจะเป็นหนทางที่เจ็บปวดก็ได้ 

 

เพราะว่าเป็นหนทางที่มีโอกาสในการสำเร็จน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นชีวิตของเราเอง มันก็เหมือนกับการรักเขาข้างเดียวนั่นแหละ เราไม่ได้ชอบเขาเพราะว่าเห็นโอกาสที่จะสำเร็จ

 

มันเป็นเพราะว่าเราห้ามใจไม่ได้ต่างหาก เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะได้รับการตอบรับในเรื่องความรักหรือเปล่า แต่เราก็ยังเฝ้าฝันถึงการรักเขาข้างเดียว 

 

คุณฮาวันยังพูดอีกว่า อาจจะดีกว่าแต่แรกก็ได้ถ้าเราไม่มีความฝันแต่ในเมื่อฝันแล้วก็ต้องลุย ถ้าเกิดเรายอมแพ้ไปเลย เราก็จะมีความติดใจไปอีกนานเลย เรามีสิทธิ์ที่จะลอง 

กลยุทธ์หนวดเครา

ผู้เขียนเขาเล่าถึงหนวด มีรายการทีวีหนึ่งที่เขามาสัมภาษณ์ ผู้หญิงในรายการก็สงสัยว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้ชายที่ไว้หนวดสักหน่อย

 

ทำไมผู้ชายยังชอบไว้หนวดกันอีก ฝั่งผู้ชายเขาก็เลยบอกว่าในการไว้หนวดเป็นเรื่องเจ๋งมาก ๆ เลย ผู้ชาย้ไม่ได้ไว้หนวดเพื่อจะให้สาว ๆ มาชอบ การไว้หนวดก็ไม่เสียหายเพราะว่ายังมีผู้หญิงกลุ่มน้อย ๆ ที่เขาชอบผู้เขียนเขาก็เลยตั้งชื่อว่า

 

“กลยุทธ์หนวดเครา” เขาตั้งคำถามว่าเราจะต้องทำในสิ่งที่คนส่วนมากชอบอย่างนั้นหรือ?  ผู้ที่ทำอาชีพศิลปะหรือว่าการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ส่วนมากที่สำเร็จก็ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้นเลย

 

การที่เราไม่ทำตามคนหมู่มาก ไม่เอาใจตลาด  แล้วก็สร้างงานที่มีอัตลักษณ์ขึ้นมา

 

ก็เหมือนกับกลยุทธในการไว้หนวดเครา การทำแบบนี้ก็จะมีคนที่ไม่ชอบ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ การพยายามปรับตัวตามทุกคนสุดท้ายเราก็อาจจะปรับให้ถูกต้องตรงใจใครไม่สำเร็จเลยก็เป็นได้

ใครทำให้ฉันทุกข์

“ถ้าเกิดว่าเรากำลังมองหาวิธีที่ทำให้ตนเองไร้ความสุขได้เร็วที่สุด ขอแนะนำการ เปรียบเทียบ” ลองนึกถึงคนที่รวยกว่า หล่อกว่า สวยกว่า

 

หลังจากนั้นก็มาเปรียบเทียบกับตัวเรา เราจะดูโชคร้ายขึ้นมาทันทีเลย การที่เราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นก็ทำให้เราไม่ค่อยสบายใจ 

การคาดหวัง

การที่เราตั้งความหวังเอาไว้สูงก็เลยทำให้เราเนี่ยผิดหวังได้ง่าย คอยเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าไปคาดหวังอะไรให้มากเกินไป  จริง ๆ ควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยที่ไร้มาตรฐานและไม่คาดหวังสูง