Dead Inside

ภาวะ Dead Inside ความรู้สึกเหมือนตายทั้งที่ยังหายใจ

เรื่องAdminAlljitblog

ภาวะ Dead Inside ความรู้สึกเหมือนตายทั้งที่ยังหายใจ เหมือนกับต้นไม้ที่มีต้นไม้แห้งเหี่ยวที่อยู่ในกระถาง เราจะทำอย่างไรในวันที่เรารู้สึกว่างเปล่า เฉยชากับทุกอย่างรอบตัว

 

มาหาคำตอบผ่านมุมมองของนักจิตวิทยากับรายการพูดคุย Alljit X คุณวันเฉลิม คงคาหลวง นักจิตวิทยาการปรึกษา 🙂

 

 

 

ภาวะ Dead Inside คืออะไร ?

ภาวะ Dead Inside ถ้าเป็นคำนิยามเชิงวิชาการ คือ จุดหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หม่นหมอง มีแต่ร่างกายที่ขาดความรู้สึก ไร้ซึ่งชีวิตชีวา และไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวเองได้อย่างแท้จริง เหมือนต้นไม้แห้งในกระถาง..

สัญญาณเตือนภาวะ Dead Inside

สัญญาณเตือนอาจจะต้องวัดด้วยความรู้สึก รู้สึกว่าชีวิตของเราไร้ความหมาย..

 

ต่อให้เรารู้ความหมายของชีวิตหรือไม่รู้ก็ แต่ถ้าหากเราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตเรามันไร้ความหมาย เริ่มหมดไฟ หมดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ และสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่อยู่ภายในจิตใจ

 

ทุกอย่างดูเฉยชา อ้างว้าง โดดเดี่ยว อันนี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของภาวะ Dead Inside ซึ่งต้องบอกก่อนว่าต้องมีเกือบทั้งหมดที่กล่าวมาถึงเข้าข่ายภาวะ Dead Inside

 

เพราะถ้าหากมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น รู้สึกชีวิตไร้ความหมายแต่เรายังมีกำลังใจ มีไฟที่จะทำอย่างอื่นแต่แค่ไม่เจอความหมาย เราก็แค่อาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของชีวิต ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังตกอยู่ในภาวะ Dead Inside 

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ Dead Inside 

ภาวะ Dead Inside เป็นผลต่อเนื่องมาจากอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่ได้เหมือนความรู้สึกอื่น ๆ ที่มีอะไรมากระทบแล้วรู้สึกออกมาเลย แต่จะมีการสะสมหรือมีการบ่มเพาะของสาเหตุก่อน

 

หากดูข้อมูลเชิงวิชาการมีข้อมูลว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือ  PTSD  (Post-Traumatic Stress Disorder) ก็สามารถมีภาวะ Dead Inside ได้เป็นเรื่องปกติของผู้ป่วยหรือผู้ป่วยจิตเวช

 

ภาวะ Dead Inside ที่เกิดขึ้นเป็นตัวแทนของอาการป่วย ถ้าเทียบกับซึมเศร้าคือเป็นตัวแทนของโรคซึมเศร้าและจะเกิดขึ้นแบบนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน สิ่งนี้ก็จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมด้วย

 

อ่อนเพลีย ความคิดเปลี่ยนแปลงไปและเริ่มรู้สึกเฉื่อยชา ฟังดูคล้าย ๆ กับโรคซึมเศร้าและแยกได้ยากเพราะซึมเศร้าอาจจะเป็นสาเหตุของภาวะ Dead Inside และอาจจะรวมไปถึงโรคอื่น ๆ แม้กระทั้งการใช้สารกระตุ้นหรือสารเสพติด ก็อาจจะเกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน

 

 

ผลกระทบของภาวะ Dead Inside

ถ้าหากพูดในเชิงความรู้สึกก็คือการตายทั้งเป็น ชีวิตเรายังไม่ดับ ร่างกายยังทำงานอยู่ หัวใจยังเต้น แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ตายจากภายใน มีชีวิตแต่ไม่มีชีวา มีชีวิตอยู่อย่างไร้วิญญาณซึ่งในอนาคตอาจจะทำให้เราเสียชีวิตจริง ๆ ก็ได้

 

เช่น ทำร้ายตัวเอง เฉื่อยชาจนพลาดเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีภาวะ Dead Inside มันจะค่อย ๆ กัดกินเราที่ละนิดและจะค่อย ๆ แสดงความชัดเจนออกมาจากตัวเรา เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป

 

คนรอบข้างอาจจะเริ่มมองเห็น แต่ไม่เข้าใจเรา ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรและอาจจะแยกไม่ออก การที่คนทั่วไปจะรับรู้และเจาะจงอาการของภาวะ Dead Inside ได้ มันเป็นเรื่องที่ยาก

 

อาจจะมีปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ตามมาอีกด้วยเพราะหากคนรอบข้างไม่เข้าใจ อาจจะเกิดการทะเลาะจนทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงได้

 

 

ภาวะ Dead Inside แตกต่างกับ ภาวะซึมเศร้าไหม ? 

แตกต่างกัน แต่ว่าก็มีความคล้ายกันอยู่เนื่องจากภาวะ Dead Inside อาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ และภาวะซึมเศร้าก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ Dead Inside ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจะเน้นไปที่ความรู้สึกด้านชา

 

ความว่างเปล่า หมดอะไรตายอยากนั่นคืออัตลักษณ์ของภาวะ Dead Inside ส่วนภาวะซึมเศร้าจะขึ้นอยู่กับความเหนื่อยล้า อ่อนแรง สิ้นหวัง เศร้าโศก ท้อแท้ใจและ  เกิดการโทษตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัด 

 

 

หากเกิดเป็นภาวะ Dead Inside  ทำอย่างไรได้บ้าง ?

ถ้าหากเกิดภาวะ Dead Inside จะมีความกระทบกระเทือนหลาย ๆ อย่างตามมา สิ่งที่เราต้องทำคือการเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์เพราะอาจจะต้องมีการใช้ยาเพื่อควบคุม

 

หรือถ้าหากผู้ป่วยไม่อยากใช้ยา หรือแพทย์มองดูแล้ว่าการใช้ยาอาจจะไม่ตอบโจทย์ก็อาจจะต้องเป็นการรักษาแบบจิตบำบัดเพื่อที่จะเข้าไปซ่อมแซมแก้ไขจากภายใน

 

 

ป้องกันตัวเองจาก ภาวะ Dead Inside ได้อย่างไร ?

เป็นเรื่องของความมั่นคงภายในจิตใจ ภาวะ Dead Inside ถ้าหากเราไม่ได้พูดถึงในจุดที่ป่วยจากอาการใดอาการหนึ่ง แล้วนำมาสู่ภาวะ Dead Inside ความมั่นคงในจิตใจสำคัญมาก

 

ถ้าเกิดขาดความมั่นคงภายในจิตใจตั้งแต่แรกโอกาสที่จะเกิดภาวะ Dead Inside ก็มีมาก เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากป้องกัน เราต้องสร้างความมั่นคงทางจิตใจ สิ่งสำคัญง่าย ๆ คือการไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ Toxic มากจนเกินไป

 

ถ้าหากจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ Toxic เราก็อยู่เท่าที่เราต้องอยู่ ในยุคสมัยนี้เราอาจจะไม่จำเป็นต้องตามกระแสหรือค่านิยมอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะกับเรา ให้เรามีความเป็นตัวของตัวเอง เข้าใจในตัวเองและพอใจในสิ่งที่เราเป็นโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร