โดนแบนจากกลุ่ม โดนปฏิเสธจากกลุ่มเพื่อนรู้สึกเข้ากับคนอื่นไม่ได้.. หรือที่เรียกว่า Social Rejection เพราะอะไรการไม่เป็นที่ยอมรับ ถึงทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด
การปฏิเสธทางสังคม โดนแบนจากกลุ่ม ( Social Rejection ) คืออะไร ?
Social Rejection คือ การถูกปฏิเสธทางสังคม การโดนแบน การโดนไล่ออกจากกลุ่ม สังคม ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หรือการที่เราโดนปฏิเสธจากใครสักคน เช่น เลิกกับแฟน นับว่าเป็นการปฏิเสธทางสังคมได้หมด
การกีดกันทางสังคมหรือการปฏิเสธจากกลุ่มจัดเป็นวิธีการลงโทษทางสังคมวิธีหนึ่ง โดยคนถูกกีดกันทางสังคมจะรับรู้ว่าโอกาสที่ตนจะใช้ชีวิตหรืออยู่รอดในสังคมลดน้อยลง ในบางวัฒนธรรม
การกีดกันทางสังคมเปรียบได้กับ เป็นความตายทางสังคม เพราะการไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มหรือสังคม ก็จะทำให้บุคคลไม่มีคุณค่าทางสังคม เสมือนว่าไม่มีตัวตนอยู่ในสังคมอีกต่อไป
Social Rejection โดนแบนจากกลุ่ม มีแบบไหนบ้าง?
1. การแบนจากสังคม
อาจเกิดจากการที่เราทำผิด หรือ ทำให้ใครไม่พอใจ หรือ อาจจะไม่ได้ผิดจริง แต่ทำให้สังคมรอบข้างแบน เพราะรู้สึกว่าเราทำไม่เหมือน ไม่ถูกต้อง
หรือในกรณีที่เราทะเลาะกับใครซักคน แล้วเขาเอาเรื่องราวไปพูดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้อีกหลาย ๆ คนในกลุ่มแบนเรา
2. การเชิญออกจากงาน
การถูกไล่ออกจากงาน คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างใหญ่กับชีวิต และมีผลทำให้รู้สึกว่า ไม่เป็นที่ยอมรับ และมากไปกว่านั้น อาจเกิดคำถามว่าทำไมถึงเป็นเรา การปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่
ตัวอย่าง กรณีที่เพื่อนใหม่ ไม่คุยด้วย อาจจะมีทั้งแบบตั้งใจกีดกันหรือ ไม่ได้ตั้งใจกีดกัน เพียงแค่ยังไม่คุ้นเคย ยังไม่รู้จะเข้าหาพูดคุยกันอย่างไร อาจทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนปฏิเสธจากสังคมได้
3. ความแตกต่าง วัฒนธรรม , สีผิว , เชื้อชาติ หรือฐานะ
เรื่องนี้เรามักสังเกตพบเห็นได้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะในชีวิตจริง หรือตามหนัง ซีรีย์ ที่เป็นเรื่องของการบูลลี่ กลั่นแกล้ง คนที่เป็นส่วนน้อยในสังคม และแตกต่างจากตัวเอง
4. การบูลลี่
การถูกกลั่นแกล้ง ล้อเลียน รังแก จากเพื่อนหรือสังคม ย่อมทำให้เรารู้สึกแย่และ รู้สึกแตกต่าง ก็เป็นเหตุผลหลัก ๆ เลยที่ทำให้เกิดความรู้สึก ว่าตนถูกปฏิเสธ
Social Rejectionหรือ โดนแบนจากกลุ่ม กระทบด้านไหน ?
1. พฤติกรรม
มีการวิจัยค้นพบว่า คนที่ถูกปฏิเสธทางสังคม จะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและรุนแรงขึ้น
2. ความเจ็บปวดทางอารมณ์
งานวิจัยจาก Ethan Kross ศาสดาจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ Edward Smith จากมหาวิทยาลัย โคลัมเบีย อธิบายว่า การถูกปฏิเสธจากสังคมส่งผลกระทบต่อสมองไม่ต่างจาก เจ็บปวดทางร่างกายเลย
3. Self-esteem
ความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง อาจจะทำให้ Self-esteem ลดลงได้ เช่น เวลาโดนเพื่อนแบน แล้วเรารู้สึกว่า เราไม่ดีพอ เราไม่มีคุณค่าหรือประโยชน์อะไร เพื่อนถึงไม่ต้องการ
งานวิจัยพบว่าหากบุคคลถูกกีดกันหรือ ถูกปฏิเสธจากกลุ่มเป็นประจำหรือในระยะเวลานาน บุคคลจะเกิดความสิ้นหวังจากการเรียนรู้อีกด้วย
4. สุขภาพจิต
Social Rejection จะทำให้มีความรู้สึกทางลบมากขึ้น เช่น วิตกกังวล เศร้า โกรธ ซึ่งสามารถนำไปไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือ ปัญหาทางสุขภาพจิตอื่น ๆ
5. ชีวิตประจำวัน
ลดความสามารถในการทำงานที่ต้องใช้ความคิดและสติปัญญา อันนี้จะรวมทุกอย่าง ไม่ว่าจะการทำงาน การตัดสินใจ การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
จุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ เราไม่จำเป็นต้องโดนปฏิเสธแบบโต้ง ๆ ตรง ๆ ถึงจะรู้สึกแย่เท่านั้น การไม่ได้รับความสนใจมากพอที่จะตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของเรา อาจทำให้รู้สึกแย่เหมือนกัน
เช่น ไปงานสังสรรค์ของที่ทำงานใหม่ แล้วไม่มีใครคุยด้วย กรณีนี้อาจจะไม่ใช่ว่า เพื่อนร่วมงานตั้งใจกีดกันเรา แต่เขาอาจจะแค่ยังไม่คุ้นเคย ไม่รู้จะเข้าหาหรือพูดคุยยังไงเฉย ๆ
เพราะอะไร Social Rejection ถึงส่งผลกระทบ ?
1. มนุษย์มีความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
มนุษย์ต้องการการยอมรับเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตามวิวัฒนาการของสัตว์สังคม หากจะอยู่รอดได้ต้องมีเผ่าพันธุ์ นักจิตวิทยาหลายท่านเสนอความคิดเห็นว่า เมื่อสมัยก่อนเวลามนุษย์จะต้องออกล่าสัตว์
จำเป็นต้องไปกันเป็นกลุ่ม หาอาหารเป็นกลุ่ม หิวหรือกระหายก็ไม่สามารถที่จะทำคนเดียวได้ ความต้องการการยอมรับของเรากลายเป็นกลไกเพื่อความอยู่รอด การที่โดยกลุ่มทอดทิ้งนั้นแน่นอนจะทำให้เกิดความเจ็บปวด
ทางกาย ทางใจ ตามมาแน่นอน เมื่อมนุษย์เกิดการวิวัฒนาการขึ้น การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เช่น โดนทอดทิ้ง แต่ว่าความรู้สึกในเรื่องความเจ็บปวดยังคงฝังรากลึกอยู่ในสัญชาตญาณของมนุษย์อยู่เสมอ
2. การได้รับการยอมรับเป็นความต้องการพื้นฐาน
ตามทฤษฎี Hierarchy of needs จะมีขั้นที่เรียกว่า love & belonging แปลว่า ความรักและการเป็นเจ้าของ เพราะมนุษย์ต่างต้องการความสัมพันธ์
จัดการความรู้สึกอย่างไร?
ข้อมูลจาก APA ทางวิทยาศาสตร์บอกว่า การมีปฏิสัมพันธ์ทางบวกกับคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัว จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร opioids ออกมาทำให้รู้สึกดีขึ้น
ฉะนั้น ถ้าเราโดนปฏิเสธจากที่ทำงาน ลองกลับมาหาครอบครัวหาเพื่อนสนิท คนที่ไว้ใจได้ การกระทำอื่น ๆ ที่ช่วยให้สารนี้หลั่งมีอีกหลายอย่าง เช่น ออกกำลังกาย อาจช่วยได้เช่นกัน
Guy Winch นักจิตวิทยากล่าวว่า
“อันที่จริงการถูกปฏิเสธส่วนมากเกิดจากความเข้ากันไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่ลดลง”
เมื่อเพื่อนแบน รับมือยังไง?
1. คลี่คลายปัญหาความสัมพันธ์
ถ้าเพื่อนแบนด้วยสาเหตุว่า เรามีเรื่องผิดใจกัน ทะเลาะกัน อาจจะต้องใช้การสื่อสารและการปรับจูนกัน ว่าจะเจอกันตรงกลางได้อย่างไร
2. รับมือกับการถูกปฏิเสธ ด้วยการถามว่าทำไม
เคยตั้งคำถามไหมว่าภายใต้การปฎิเสธนั้นมีความรู้หรือความรู้สึกใดแอบซ่อนอยู่ ดังนั้นเป็นเรื่องดีกว่ามากหากเราจะเริ่มจากการตั้งคำถามและมองว่าเหตุผลที่เราถูกปฏิเสธมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน
หากพิจารณาแล้วว่าเหตุผลของผู้ปฏิเสธฟังขึ้นจริง ๆ เราก็จะสามารถนำความเห็นดังกล่าวไปพัฒนาความคิดเดิมที่เราวางไว้ให้ออกมาเป็นแผนงานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในอนาคต
กล่าวโดยง่ายว่าทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนที่พร้อมรับมือเมื่อถูกปฏิเสธ คือการพร้อมรับฟังความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น
3. สำรวจตัวเอง
ว่าเรามีได้พูดหรือทำอะไรให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีหรือ ให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า ถ้าเราทำ เราก็แก้ไข แต่ถ้าเราไม่ได้ทำ เราจะต้องยอมรับและหาเพื่อนกลุ่มใหม่ที่เข้ากันได้ ไปกันได้ ยอมรับในสิ่งที่เป็นของกันและกัน
4. ระบายอารมณ์
เราจะเรียนรู้จากปัญหาไม่ได้เลย หากไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดเป็นปัญหาจริง ๆ กลไกนี้อธิบายได้ว่ายิ่งเราระบายอารมณ์ออกมากเท่าไหร่ เปลือกที่ครอบคลุมปัญหาอยู่ก็จะค่อย ๆ ถูกกระเทาะออกมา
จนเปิดโอกาสให้เรามองปัญหาได้แบบองค์รวม ดังนั้นเราจึงสามารถนำความรู้ที่เหลือไปศึกษา, พัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป
ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ ทำยังไงดี?
เป็นฝ่ายเข้าหา
บางครั้งเราอาจจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเองอีกฝ่ายเอง เพราะเขามีกลุ่มเพื่อนอยู่แล้ว เราเลยอาจลองหาจังหวะ โอกาส ในการเข้าไปพูดคุยด้วยเพื่อให้คุ้นเคยกันและกันมากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ต่อไป
ตัดใจ
ในกรณีที่เขาไม่ยอมรับเราแบบเปิดเผยด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง อาจจะต้องตัดใจ เราเชื่อเสมอเรื่องความสัมพันธ์ว่า ไม่ใช่อะไรที่ตบมือข้างเดียวได้ จะดีแค่ไหน พยายามแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
อาจจะด้วยประสบการณ์บางอย่างทำให้เกิดอคติ และปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม , สีผิว , เชื้อชาติ ด้วยความที่ปัจจัยพวกนี้เปลี่ยนไม่ได้
เราต้องยอมรับสิ่งนั้นให้ได้ในวันที่คนอื่นไม่ยอมรับก่อน แล้วเราค่อยไปหากลุ่มอื่น ๆ ที่ยอมรับในแบบที่เราเป็นเรา และเราไม่ได้มีหน้าที่ไปเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเขาขนาดนั้น
ที่มา:
The pain of social rejection
The Art of Rejection
หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด
Post Views: 3,528