หมด Passion

อยู่ใน . . ยุคหมดไฟ ในการทำตามความฝัน หมด Passion ในการใช้ชีวิต ทำอย่างไรดี?

เรื่องAdminAlljitblog

วิถี New normal ในช่วงยุคโควิดเกิดการชะลอในหลายเรื่องทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปมีการ work from home เด็ก ๆ เรียนออนไลน์ ทำให้อยู่บ้านนาน ๆ จนบางคนเกิดเป็นความเครียด บางสิ่งบางอย่างไม่ตอบโจทย์ในชีวิต และก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเมื่อไหร่ ทำให้รู้สึก หมด Passion เหมือนใช้ชีวิตไปวัน ๆ

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับ คุณรัชดาภรณ์ ศรีวิลัย นักจิตวิทยาคลินิก พูดคุยในทุกประเด็นในเรื่องสุขภาพใจ เมื่อเรารู้สึกหมดไฟแก้ปัญหาอย่างไรดี?

ยุคโควิดส่งผลตั้งแต่วัยเด็ก,วัยทำงานและวัยผู้สูงอายุ เพราะไม่สามารถทำกิจกรรมอย่างที่ควรจะเป็นได้ จนส่งผลให้รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร อาจคิดว่าทำไมชีวิตมันต้องสะดุดอะไรแบบนี้ พยายามบอกกับตัวเองไม่ให้เครียดต้องอยู่กับมันให้ได้ 

หมด Passion หมดไฟ

วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ก็เริ่มหมดไฟไม่อยากทำอะไรให้ดีขึ้น หมดไฟในการทำงาน หมดไฟในการเรียน หมดไฟในการใช้ชีวิต ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายไว้แต่ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้ โควิดทำให้เราเหนื่อยล้าทางอารมณ์ การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป

 

บางสิ่งบางอย่างหายไป กิจกรรมที่ทำให้เราหายเครียดก็หายไป ลองพยายามหากิจกรรมในบ้านทำต่าง ๆ นานา แต่ช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไปส่งผลให้ความคิดและการกระทำไม่สดใสเหมือนเดิม หมดกำลังใจ หมดไฟ ที่จะรวบรวมพลังที่จะทำให้สำเร็จได้ 

เมื่อรู้สึก หมด Passion ควรทำอย่างไร?

เมื่อเกิดความรู้สึกไม่อยากทำอะไรที่ดีต่อตัวเอง เกิดความรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถลดลง มนุษย์เรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

 

ถ้าเรื่องท้าทายแค่ไหน เรามี Passion เราจะพยายามทำสิ่งนั้นไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่มี เราจะพยายามสร้างบางสิ่งบางอย่างเพื่อสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา 

1.ลองเปลี่ยน Passion

เราไม่สามารถมี Passion ได้ทุก 365 วัน ลองเปลี่ยน Passion ไปที่เรื่องอื่น อย่ากดดันในวันที่เราหมดไฟในการเรียน ในการทำงานหรือการใช้ชีวิต ถ้าเราเครียดมากจนเกินไป เราจะไม่สามารถไปต่อกับตรงนั้นได้

 

ถ้าเราผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกหมดแรงจะทำอะไร เจอเรื่องอะไรแล้วรู้สึกตกฮวบ Passion หายไปหมดเลย อยากให้นึกย้อนบางช่วงเวลาตอนตื่นเช้ามา Passion อาจแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาได้เหมือนกัน

 

ถ้าเราพยายามฝืนอาจต้องใช้พลังงานที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยมากเพื่อต้องลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่าง ยิ่งช่วงยุคโควิด ไฟถูกมอดไหม้ แสงไฟดับลงไป พลังใจก็อาจจะค่อย ๆ ดับลง

2.มองหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเอง

อยากชวนให้มองว่าทุก ๆ เรื่องมีเหรียญสองด้านเสมอ ถ้ามองส่วนที่ดีจะเป็นแรงจูงใจให้เราถึงเป้าหมาย ลองสำรวจว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมหมดแรง หมดกำลังใจ

 

จะเป็นวิธีที่ดีกว่าที่เราจะไปโฟกัสว่าเราหมดไฟ แล้วไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย

 

ช่วงของยุคโควิดมีเรื่องที่เราคาดการณ์ไม่ได้ เราคงรู้สึกอึดอัดที่ ไม่ตอบโจทย์ชีวิต อยากให้พยายามอย่ากดดันตัวเองว่าเราต้องมีไฟอยู่ตลอดเวลาถึงจะทำอะไรได้สำเร็จ ต้องลดความคาดหวังลงไปบ้าง

 

เพราะโควิดไม่รู้จะอยู่กับเราไปนานแค่ไหน ไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ 

3.หาคุณค่าจากสิ่งที่ทำ

มองกลับมาที่คุณค่าที่เราทำอยู่ ณ ปัจจุบัน การทำได้หรือทำไม่ได้ไม่สำคัญเท่ากับการที่เรารับรู้ว่าทำอะไรอยู่และได้รับอะไรจากตรงนั้น ถ้าเราบอกกับตัวเองว่าหมดไฟ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำธุรกิจ

 

เพราะคิดว่าตัวเองไปต่อไม่ได้แล้ว…

 

พยายามดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ให้คิดว่าตอนนี้เรากำลังทำงานเพื่ออะไร กลับมามองการเห็นคุณค่าในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน 

 

หาคุณค่าที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น งานที่เราทำอยู่ตอนนี้ตอบโจทย์อะไรเราอยู่หรือเปล่า ซ่อนอะไรที่ตอบโจทย์ความเป็นเราอยู่บ้างไหม

 

ถ้าหมดไฟในการเรียนลองกลับมามองคุณค่าในการเรียนว่าเราได้อะไรจากสิ่งนั้น วิชาไหนที่เราชอบ อาจารย์คนไหนที่ทำให้เราสนใจการเรียน ทั้ง ๆ ที่เราไม่ชอบเรียนหนังสือ หรือสร้างสรรค์งานที่เรากำลังทำอยู่ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

4.พัฒนาตัวเอง

การเริ่มต้นจากการคิดว่าเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพื่อให้งานออกมาดีมากขึ้น เรียนดีมากขึ้น พัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น อาจเข้าไปปลุกไฟในตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง

 

งานที่เราทำสามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อยู่บ้าง แบ่งปันความรู้หรือประโยชน์ที่เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนอื่นอาจเห็นเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาจากสิ่งนั้น เรื่องเหล่านี้อาจไปจุดประกายให้กับตัวเราได้เกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้

5.มองหางานอดิเรกที่ปลุกไฟในตัวเราได้

ลองมองต่อถึงงานอดิเรกที่สามารถไปปลุกไฟเราได้ ให้คิดว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดเป็นประโยชน์ หากิจกรรมที่ทำให้สนุกกับสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้นได้

 

ในช่วงที่เรามีเวลาอยู่บ้านแทนที่เราจะไปทำงานเต็มเวลา มีความสุขกับการที่เราได้มีเวลามากขึ้น ได้มีเวลาทำงานอดิเรกเพิ่มกว่าเดิม

 

เช่น วาดรูป ปลูกต้นไม้ แต่งรถ จัดบ้าน ถ้าเรามองในมุมนี้เราจะเห็นว่าสิ่งที่น่าเบื่อนั้นไม่ใช่อีกต่อไป ให้มองว่าเรื่องนี้ทำให้เรามีเวลามากขึ้นทำให้เรามีเวลาให้กับตัวเองมาก มีงานอดิเรกมากยิ่งขึ้น

6.หยุดโฟกัสว่าเราต้องมี Passion

ถ้าคิดว่าการมีไฟคือที่สุดของชีวิต อยากบอกว่ายังมีอะไรที่สำคัญมากกว่านั้น เวลาที่เราทำงานอาจมองหาว่าอะไรคือการตอบโจทย์อย่างอื่นของเราได้บ้าง การดูแลตัวเอง การจุนเจือครอบครัว ความต้องการทางด้านสถานะการเงินที่ดีขึ้น

 

ถ้าเราไม่ไปโฟกัสแค่ว่าตัวเองหมด Passion จะทำให้เราสามารถมีเป้าหมายมากขึ้นในการอยู่จุดนี้ และทำให้เราคิดว่ามีอะไรอย่างอื่นที่สำคัญกว่า Passion

 

เพราะเราได้ปรับมุมมองความคิดใหม่ และทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้อย่างง่าย รวมถึงเข้าใจบริบทที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม

กลับมาโฟกัสที่ปัจจุบัน

เราอาจจะต้องหันกลับมาทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อพัฒนาศักยภาพของเรา เมื่อโควิดหายไปเราจะได้ทำอะไรให้ดียิ่งขึ้น เติบโตมากขึ้น ปล่อยให้ Passion เป็นเรื่องของวันข้างหน้า

 

หันกลับมาโฟกัสที่ปัจจุบัน มีความสุขกับงาน กับการเรียน กับการอยู่บ้าน ค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเอง ถ้าเราโฟกัสแค่ Passion อาจจะยิ่งทำให้เราไม่สามารถกลับมามีไฟได้อีกเลย 

สร้าง Passion ใหม่ สร้างเป้าหมายใหม่

อย่าคิดว่าไม่มี Passion แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว การที่เราประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดจาก Passion อย่างเดียว แต่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยจากสาเหตุอื่นอีกมากมาย

 

เพราะฉะนั้นอยู่กับปัจจุบัน ค่อย ๆ มองกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวไปหา Passion ข้างหน้า การมองชีวิตอย่างที่เป็น การสร้าง Passion ใหม่ การสร้างเป้าหมายใหม่ อาจจะทำให้เราสามารถเผชิญกับสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น 

 

พยายามหาต้นตอและจัดการกับความเครียดที่เข้ามา ที่ทำให้เราไม่สามารถไปต่อได้ จริง ๆ ถ้าเราสามารถตอบโจทย์ได้ว่าเราควรทำอะไร อาจจะมองเห็นแสงไฟที่ทำให้เราสามารถจุดประกายกลับมามีแรงทำอะไรมากยิ่งขึ้นได้อีกครั้งค่ะ

Related Posts