แฟนติดเพื่อนมากเกินไป

แฟนติดเพื่อน มากเกินไป ทำยังไงดี?

เรื่องAdminAlljitblog

เมื่อ แฟนติดเพื่อน มากจนเกินไป จะมีวิธีรับมือได้อย่างไร?

 

เพื่อให้เขารับรู้โดยคุณไม่ถูกมองว่าเป็นคนงี่เง่า และตัวเขาก็ไม่รู้สึกว่ากำลังถูกกล่าวหา

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

วิธีการตักเตือนแฟนให้เขารับรู้ว่า แฟนติดเพื่อน มากไป

เมื่อแฟนติดเพื่อนมากจนเกินไป สิ่งแรกที่ควรทำคือให้นึกคิดย้อนกลับไปดูตอนช่วงแรกที่คุณจีบเขาหรือเขาจีบเราว่าตอนนั้นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนอยู่แล้วหรือเปล่า

 

ถ้าเขาเป็นแบบนี้อาจจะค่อนข้างยาก เพราะนั่นคือตัวตนของเขา

 

ยิ่งพูดคุยก็อาจจะยิ่งเกิดการทะเลาะหรือขัดแย้งกันมากกว่าเดิม  อาจมีความรุนแรงทางอารมณ์ เพราะต่างคนต่างเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งลักษณะแบบนี้อาจจะเลี่ยงกันไม่ได้ 

 

การพูดคุยกับเขาควรใช้ประโยคที่ฟังดูแล้วไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางอารมณ์หรือเป็นการกล่าวหาเขามากจนเกินไป อาจใช้คำประมาณว่า 

 

“ช่วงนี้เธอดูสนใจเพื่อนมากเกินไปนะ” หรือ “ช่วงนี้เราดูไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”

 

เลี่ยงการใช้คำว่าเขาติดเพื่อน หรือ เปรียบเทียบตัวเราเองกับเพื่อนของเขา ว่าเขาสนใจเพื่อนมากกว่าเราอย่างไร 

 

สิ่งที่สำคัญคือการค่อย ๆ คุยกันด้วยเหตุผล ถ้าหากเรากับเขาสามารถทำแบบนี้ได้ก็อาจจะทำให้เราทั้งคู่เข้าใจกันได้มากขึ้นและอีกฝ่ายก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

 

เพราะถ้าหากอีกฝ่ายไม่เรียนรู้ที่จะปรับ นั่นหมายความว่าเขาไม่ยอมที่จะเปลี่ยน

 

ทุกอย่างก็จะวนไปกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือ ทะเลาะ มีปัญหา มีปัญหาแล้วก็ทะเลาะ นั่นจึงทำให้ปัญหานั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย 

 

บางครั้งเราอาจจะต้องขยายโจทย์ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม คือการถามตัวเองว่าเราอยากได้อะไร แฟนติดเพื่อนเพราะอะไร เพราะบางครั้งการที่คุณมีแฟน เราก็อาจจะเป็นคนที่ติดแฟนมากจนเกินไป จนลืมคิดถึงเรื่องของตัวเอง

 

พึ่งพาแฟนมากจนเกินไป คิดว่าแฟนคือทุกอย่าง แฟนคือคำตอบจนทำให้เราไม่ได้ฟังเสียงหัวใจที่แท้จริงของตัวเองว่าเราต้องการอะไรกันแน่ คำตอบของชีวิตตัวเราคืออะไร 

 

ซึ่งตัวเราอาจะได้คำตอบว่า ไม่ต้องมีแฟนตลอดเวลาก็อยู่ได้ หรือคำตอบว่าไม่ได้ ต้องมีเขาอยู่ตลอดเวลาเลย

 

ซึ่งแท้จริงแล้วแฟนของคุณเขาอาจจะไม่ได้ติดเพื่อน แต่เขาอาจจะแค่ต้องการทำกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งกิจกรรมนั้นต้องมีเพื่อนเข้ามาเกี่ยว เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา นั่นก็เพื่อสุขภาพร่างกายของตัวเขา

คนที่ติดเพื่อนและละเลยแฟน 

คิดเสมือนว่าเขาเพิ่งมาเป็นตอนหลัง ก้ำกึ่งว่านี่คือปัญหาคู่รักหรือปัญหาของตัวคุณกันแน่แบ่งออกเป็น 2 อย่าง

1.คือยอมรับและรู้จักความทุกข์ของตัวเอง 
2.คุยกับคู่รักให้เป็นตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง เรียนรู้ที่จะใจเย็นแต่ไม่ต้องเย็นตลอดเวลา 

 

ถ้าแฟนติดเพื่อน สะท้อนได้ว่า แฟนไม่ได้สนใจเรามากขนาดนั้นหรือมากเท่าที่ควร ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ จำเป็นไหมที่จะต้องแบกความทุกข์ แบกความสัมพันธ์นั้นไปต่อ

 

จากนั้นก็ค่อยมาจัดการความทุกข์ของตัวเองว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ดี

 

แต่ถ้าแฟนแค่เป็นคนที่นิสัยเสีย อยากให้ลองตักเตือนกันดู เพราะคนเรานิสัยเสียกันได้ ทุกคนมักจะมีช่วงเวลาที่ละเลยกันได้กับทุกเรื่อง

 

ขอยกตัวอย่างเปรียบเหมือนตัวเราเองซึ่งไม่ได้ปลูกต้นไม้เป็นอาชีพ ตัวเราเองก็มักจะมีช่วงเวลาที่ละเลย ไม่ดูแลต้นไม้ต้นนั้น ไม่ใส่ปุ๋ย ไม่พรวนดิน ไม่รดน้ำ

 

เช่นเดียวกับความสัมพันธ์บางครั้งเราก็อาจจะเผลอละเลยบางอย่างไป เพราะฉะนั้นระหว่างคนสองคน ควรมีการพูดคุยกัน

 

บอกความรู้สึกของคุณให้เขารับรู้ว่าตัวเขาละเลยอย่างไร เขาทำให้คุณทุกข์หรือรู้สึกแย่ที่ไม่ให้ความสำคัญกับความพันธ์นี้แบบไหน

 

ถ้าเขาเป็นคนรักที่ดีสำหรับคุณ เป็นคนที่รักเราอยู่ อยากจะมีเราอยู่ในชีวิต เขาอาจจะจัดการหรือตอบสนองบางอย่างได้ไม่ดีมากนัก

 

แต่เขาจะแคร์ความรู้สึกของเรา เขาจะไม่ทอดทิ้งความรู้สึกที่เราได้บอกกับเขาไป นี่จึงสำคัญมาก ถ้าพูดแล้วเขาไม่มีตรงนี้ ต้องคิดทบทวนดูอีกครั้งว่าจะอยู่กับเขาคน ๆ นั้นได้จริง ๆ หรือเปล่า คุณจะสามารถอยู่กับเขาไปตลอดได้มากแค่ไหน

 

ความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องสวยหรู หรือโปรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป คุณต้องผ่านประสบการณ์ความรักมาเยอะและเข้มข้นกับชีวิตมามากมาย ต้องผ่านทุกช่วงเวลา ช่วงโปรโมชั่น และช่วงแห่งความเป็นจริง  ความรักที่จริงแท้ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับมนุษย์

 

เพราะมันหมายความว่าจะรักหรือไม่รักก็ได้ ถ้าอยู่ด้วยความรักจริงแท้แบบไม่มีช่วงโปรโมชั่น ไม่มีความพยายามเอาใจใส่  ต้องยอมรับให้ได้ตลอดเวลาว่าเขาคนนั้นอาจจะทิ้งหรือเลิกรักคุณไปเมื่อไหร่ก็ได้

 

ถ้าไม่ผ่านประสบการณ์มาเลยค่อนข้างอยู่ยาก ซึ่งความพยายาม ความตอบสนองต่อเงื่อนไข  การเรียกร้องให้อีกฝ่ายมาอยู่กับเรา 

 

ถ้าหากผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้วนั่นคือตัวตนที่แท้จริง ต้องยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเขา

แฟนติดเพื่อน โดยไม่รู้ตัว 

อาจจะต้องมีการพูดคุยกับเขาเพื่อให้เขารับรู้ว่าตอนนี้เขาละเลย และเขาควรที่จะปรับตรงส่วนไหน

 

เพราะคนเราทุกคนสามารถเป็นกันได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งที่สำคัญคือการสื่อสารให้เขารับรู้ อย่าแสดงออกโดยการไม่พูด

 

เพราะการไม่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา จะนำพาไปสู่ความซับซ้อนซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม

 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คู่รักสามีภรรยาอยู่กินกันมาหลายปี ซึ่งช่วงนี้สามีออกไปตีกอล์ฟกับเพื่อนบ่อยครั้งมากจนเกินไป

 

ทำให้ภรรยาเกินอาการน้อยใจรู้สึกว่าสามีไม่ให้ความสำคัญ จึงไม่ทำอาหารเย็น สามีกลับมาบ้านถามถึงอาหาร

 

ภรรยาบอกแค่ว่าวันนี้ปวดหลัง ด้วยความที่สามีก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่ได้เกิดข้อสงสัย

 

ผ่านไปอีก 2-3 วัน ภรรยาก็ยังไม่ได้ทำอาหารเตรียมไว้ สามีจึงเข้าใจว่าภรรยาปวดหลังจริง ๆ จึงซื้อเก้าอี้นวดมาให้แทน 

 

จะเห็นว่าการสื่อสารที่ไม่ตรงไปตรงมา ทำให้ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้รับการแก้ไข และอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้

 

เพราะฉะนั้นถ้าหากเรารู้สึกไม่สบายใจตรงไหน ควรค่อย ๆ พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน บอกให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

และปัญหาอีกอย่างหนึ่งในคู่รัก คือการสื่อสาร การพูดคุยกัน คู่รักควรพูดคุยกันให้เป็นเรื่องปกติระหว่างคนสองคน

 

เพื่อให้เกิดการเข้าใจกันในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งคุณเองก็อาจจะรับรู้บางอย่างพลาดไป

 

ดังนั้นการสื่อสารจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันคือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย การสื่อสารก่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์กันระหว่างบุคคล

 

ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจกันดีและเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเรา