โรคซึมเศร้า

ประสบการณ์ ‘ โรคซึมเศร้า ‘ และเจอคนพยายามฆ่าตัวตาย

เรื่องAdminAlljitblog

ประสบการณ์ ‘ โรคซึมเศร้า ‘ และเจอคนพยายามฆ่าตัวตาย ในบางวันที่เราไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ชีวิตไร้จุดหมาย จนอยากจะหายไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ใครจะไปรู้ว่าการอยู่ต่อของเรามันอาจจะมีประโยชน์กับใครสักคนหนึ่งวันใดวันหนึ่งก็ได้

 

ถ้ายังไม่รู้ว่าเราจะอยู่ไปทำไม ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยก็อยู่ต่อไปนี้ละ อยู่ต่อไปเรื่อยๆวันหนึ่งเราอาจจะหาคำตอบของคำถามนี้เจอก็ได้

ทุกวันนี้เรามักจะเห็นข่าวคนคิดสั้นฆ่าตัวตายเยอะมาก ๆ จนเกิดความสงสัยว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมหลาย ๆ คนถึงคิดสั้นแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะสาเหตุอะไรก็ตามทุกคนคงมีเหตุผลที่แตกต่างกันไป

 

และเราก็เป็นคนนึงที่เคยมีความคิดนั้น “ไม่อยากอยู่แล้ว ตายไปเลยน่าจะดีกว่า”

เราเคยเป็น โรคซึมเศร้า

เราเคยเป็นโรคซึมเศร้าและเข้ารับรักษาจากจิตแพทย์รวมถึงพบนักจิตวิทยา เราทานยาและดูแลตัวเองอยู่ประมาณ 1 ปีกว่า ๆ หลังจากที่อาการซึมเศร้าดีขึ้น มีแรงขึ้นอีกครั้ง ก็ได้มีโอกาสทำงานที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตใจเกือบ 1 ปี

 

เราได้ให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้รับฟัง และเป็นเพื่อนพูดคุยให้กับคนที่เป็นซึมเศร้า รวมทั้งเจอความเครียดผ่านงานที่เราทำ แต่เราก็ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะเจอกับคนที่ประสบปัญหาจริง ๆ ต่อหน้าเรา  

มองไปที่เส้นขอบฟ้างดงามแม้ห่าง

ยังมีคนเคียงข้าง ตรงนี้ยังมีใคร

ที่แล้วมาให้มันผ่านไป แม้เรื่องราวมากมายแค่ไหน……..

เพลง ทบทวน ของวง Moderndog กำลังดังอยู่ในรถระหว่างทางที่เรากลับบ้าน

ในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านด้วยความเร็วและมองไปที่ข้างทาง มีรถคันหนึ่งจอดอยู่บนสะพานที่รถเรากำลังขับผ่าน และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนราวสะพาน หันตัวออกไปด้านนอก มือนึงถือโทรศัพท์ส่วนอีกมือนึงกำลังจับราวสะพานเอาไว้

 

ตอนนั้นเรารีบบอกแฟนในสิ่งที่เราเห็น แต่แฟนตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลย” ในตอนนั้นก็แอบคิดว่า “เอาแล้วล่ะ ฟังเรื่องผีบ่อยด้วยสิ”

 

แต่แล้วก็ชวนกันวนรถกลับไปดูที่สะพานนั้นอีกครั้ง และเราก็เจอผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ 

 

เมื่อแฟนจอดรถที่สะพานนั้นเราเกิดความลังเลว่าจะลงไปดีไหม เขาจะตกใจแล้วเผลอกระโดดลงไปไหม เขาจะรู้สึกยังไงหากเราเข้าไปหาเขา แต่อีกความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาว่า

 

“ถ้าหากเราไม่ลงไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขา เราคงจะรู้สึกเสียใจมากกว่าการที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ ”

 

เราจึงตัดสินใจที่จะลงไปและบอกให้แฟนโทรตามหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพื่อมาช่วยเหลือ… 

 

ระหว่างที่เรากำลังเดินเราก็พยายามรวบรวมสติให้มากที่สุด สังเกตถึงท่าทีผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้อาการตกใจหรือหันมามองเราเลยแม้แต่น้อยแต่เขากำลังมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว

 

ในระหว่างนั้นก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งขับรถมาจอดเราคิดว่าพี่ผู้ชายคนนี้จะรู้จักกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนสะพานหรือเปล่านะ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้รู้จักกัน เพียงแต่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เหมือนกันพอดี

“หนูเป็นซึมเศร้า”

เราก็เลยค่อย ๆ เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นและพูดออกไปว่า “สวัสดีค่ะ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากผู้หญิงคนนั้นเลยนอกจากเสียงร้องไห้ เขาไม่ได้มีท่าทีที่จะต่อต้านเราแต่อย่างใด เราจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง

 

เราค่อย ๆ โอบกอดเขาเหมือนกอดให้กำลังลังใจเพื่อนคนนึง แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ลงมาก่อนนะ” จากนั้นเขาลงมาและโผลกอดเรา แล้วร้องไห้โฮพร้อมทั้งบอกว่า “หนูเป็นซึมเศร้า”

 

ในตอนนั้นเราน้ำตาคลอและบอกไปว่า “ไม่เป็นอะไรนะเราก็เคยเป็นและเราก็รักษาอยู่นานเลย” แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ “แต่หนูรักษามาทั้งชีวิตแล้ว”

 

พร้อมกับร้องไห้  เราเข้าใจความรู้สึกของเขาเลยว่า เขาคงพยายามกับการรักษามากแล้วจริง ๆ  เขาคงไม่ไหวแล้วหล่ะ 

 

หลังจากนั้นกู้ภัยและตำรวจก็มาถึง เราได้เป็นคนขับรถพาเขาไปส่งที่บ้านพร้อมกับพี่กู้ภัยคนนึง เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาในรถและรับรู้ถึงความรู้สึกเหนื่อย ท้อ

 

ชีวิตเขาคงผ่านอะไรมาเยอะมาก ๆ และเขาพยายามที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นในทุก ๆ วัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สู้ ไม่พยายาม แบบที่หลาย ๆ คนมองผู้ป่วยซึมเศร้าเลย 

ทุกคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอยากหาย เราเชื่อแบบนั้น แต่มันไม่ง่ายเลย 

หลายคนอาจมองว่า “ก็เรื่องแค่นี้เองลุกออกไปหาอะไรทำก็หายแล้วมั้ง เปลี่ยนวิธีคิดก็คงดีขึ้นแล้วมั้ง” แต่เชื่อไหมว่ากับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วไม่มีแรงจะทำแบบนั้นหรอก ความรู้สึกดาวน์มันวิ่งเข้ามาหาเรา เรากลัวมันมากนะ เราอยากวิ่งหนีมันแต่มันวิ่งหนีไม่พ้นจริง ๆ 

ในตอนที่เราเป็นผู้ป่วย โรคซึมเศร้า …

เราอยู่กับเพื่อนของเราในสถานการณ์ที่ปกติมาก ๆ ช่วงพระตกดินพอดี เราเดินกลับจากตลาดพร้อมของกินในมือ เวลาแบบนี้หลาย ๆ คนคงจะรู้สึกชิล ผ่อนคลาย แต่เชื่อไหมเราเอามือไปจับแขนเพื่อนและบอกว่า

“มึงมันมาอีกแล้ว”

 

จู่ ๆ เรารู้สึกเศร้า รู้สึกหดหู่และมันทรมานมาก ๆ มากจนรู้สึกไม่อยากอยู่กับสิ่งนี้เลย มันเหมือนอยู่ดี ๆ ก็มีก้อนเมฆมืด ๆ ที่มีฝนลอยมาหยุดพอดีที่หัวเราคนเดียว 

 

และนี่คือมุมนึงของเราจากการเป็นโรคซึมเศร้า และบางครั้งเราก็เคยทำร้ายตัวเอง ผ่านความรู้สึกที่อาจจะคล้าย ๆ กันกับผู้หญิงที่อยู่บนสะพานนั้น เจอทั้งคนที่เข้าใจเรามาก ๆ และไม่เข้าใจเราเลยก็มี 

 

อย่าบอกว่าเขาไม่รักตัวเอง จริง ๆ เขารักตัวเองมาก เขาอยากให้ตัวเองและคนรอบข้างมีความสุข อยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นคนที่พึ่งพาได้ แต่เมื่อวันนึงสถานการณ์มันไม่เป็นแบบที่หวัง เขาเลยเสียใจและผิดหวังมาก ๆ  จนไม่สามารถก้าวข้ามความรู้สึกนั้นไปได้

“ถ้าไม่เข้าใจคนอื่นก็อย่าตัดสินคนอื่น”

หากวันหนึ่งมีคนมาบอกว่าตัวเองเป็นซึมเศร้า มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง 

 

สิ่งแรกที่เราควรทำไม่ใช่ตั้งคำถามว่าหรือตัดสินว่าเขาเป็นจริงหรือเปล่า เรียกร้องความสนใจไหม คิดสั้นทำไม ทำไมไม่รักตัวเอง อ่อนแอจัง

 

แต่สิ่งที่เราทำได้และควรทำคือช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ปลอบใจหรือกอดเขาเบา ๆ ก็ได้ เขาอาจจะเป็นจริง ๆ หรือยังไม่ได้เป็นก็ได้แต่สิ่งสำคัญคือเขากล้าเข้ามาบอกกับเรา

 

แสดงว่านั่นมันเป็นสัญญานขอความช่วยเหลือแล้วนะ หยุดต่อว่า ตัดสิน ด่าทอ หรือกล่าวหาว่าเขาบ้า ชีวิตเราเจออะไรที่แตกต่างกันและโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเราเพียงคนเดียว

เขาโชคดีมากที่เจอเจน

เจนได้มีโอกาสเล่าเรื่องที่เจอให้ป้าของเจนฟัง ป้าคนนี้คือคนที่คอยดูแลเจนในวันที่เจนทำร้ายตัวเอง ป้าบอกสั้น ๆ กับเราว่า “ดีมาก ๆ ที่วันนั้นเจนไม่เป็นอะไร เพราะเจนก็ได้มาช่วยเขาเอาไว้ในวันนี้ เขาโชคดีมาก ๆ เลยที่เจอเจน”

 

แต่จริง ๆ เราเองรู้สึกว่าเราโชคดีมากกว่าที่ได้เจอเขาตอนนั้น วันนั้น เวลานั้น เรารู้สึกว่าตัวเองมีค่า และรู้สึกขอบคุณการที่เราไม่ตายในวันนั้น ขอบคุณโรคซึมเศร้าที่เข้ามาหาเรา ถึงแม้มันจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ  

 

การที่เราเคยเป็นซึมเศร้า ได้ทำงานที่ออลจิต และฟังเพลงทบทวนในตอนนั้น ได้ไปเจอเขาและได้กอดเขาตอนนั้น ทำให้เรารู้สึกว่า ในบางวันที่เราไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ชีวิตไร้จุดหมาย จนอยากจะหายไปให้มันรู้แล้วรู้รอด

 

แต่ใครจะไปรู้ว่าการอยู่ต่อของเรา มันอาจจะมีประโยชน์กับใครสักคนหนึ่ง ในวันใดวันหนึ่งก็ได้