คำดูถูก

เก็บ คำดูถูก มาเป็นแรงผลักดัน ทำได้จริงเหรอ?

เรื่องAdminAlljitblog

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก็บทุก คำดูถูก มาเป็นแรงผลักดัน.. เคยไหม ? โดนคนรอบตัวพูดว่า ‘เธอทำไม่ได้หรอก’ ‘เธอทำได้แค่นี้เองหรอ’ จนรู้สึกบั่นทอนและหมดกำลังใจ จริง ๆ แล้วเราจะมีแรงผลักดันได้จากคำดูถูกจริง ๆ หรือเปล่า ?

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก็บคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดันได้

 

ความคิดที่ว่า คำดูถูก คือแรงผลักดัน เกิดจากอะไร ทำไมคนเรามักคิดว่าคำดูถูกคือแรงผลักดัน 

 

ซึ่ง มีหลายคนที่ทำได้แบบนั้นจริง ๆ และมีอีกหลายคน ที่ไม่สามารเก็บคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดันได้ เพราะเราทุกคนไม่เหมือนกัน  

 

 

คำดูถูก คืออะไร 

 

ทุกคนเคยตกเป็นเป้าของการดูถูกเหยียดหยาม และอาจเป็นไปได้ว่าในบางครั้งเราเคยดูถูกใครบางคน อันที่จริงแล้ว ธรรมเนียมการดูถูกนั้นเป็นสากลและเกิดขึ้นในทุกวัฒนธรรม

 

การดูถูกเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยในรูปแบบที่แย่ที่สุดเพราะไม่มีความสมเหตุสมผล และเป็นการปิดประตูความเข้าใจที่มีต่ออีกฝ่าย

 

การดูถูกเป็นทั้งการแสดงออกว่าไม่สามารถควบคุมตนเองได้และไม่มีเหตุผลที่ถูกต้อง

 

ประเภทของ คำดูถูก ที่พบเจอบ่อย 

1.ไร้ประโยชน์(Uselessness) : การดูดูกโดยทั่วไปจะเน้นไปที่ความไร้ค่าของบุคคลนั้น เป้าหมายคือ ทำลายคุณค่าของเขาโดยทำให้เขารู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ หรือไม่มีความสำคัญ 

2.ความโง่เขลา(Stupidity) : เพราะความฉลาดเป็นสิ่งที่มีค่ามากในวัฒนธรรมส่วนใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่คำสบประมาทจำนวนมากมุ่งไปที่คุณลักษณะนี้ การตีตราคนๆ หนึ่งว่าโง่ ทึ่ม หรือ ไม่มีความรู้ เป็นความพยายามที่จะลดคุณค่าของความคิดเหล่านั้น

3.ความเสื่อมทางศีลธรรม(Moral depravity) : วัฒนธรรมทั้งหมดมีค่านิยมร่วมกัน ถือเป็นแบบแผนทางสังคม คนที่ฝ่าฝืนแบบแผนนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกกีดกันทางสังคมเพราะพวกเขาถูกมองว่าเสี่ยงต่อสถานภาพปัจจุบัน  การดูถูกจึงมุ่งไปที่พฤติกรรมที่ถือว่าน่าละอาย หรือไม่เป็นที่ยอมรับ

4.ความแปลกประหลาด(Peculiarity) : การดูถูกอีกประเภทหนึ่งมุ่งเน้นไปที่ลักษณะที่แปลกประหลาดที่สุดของผู้คน โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่ถูกมองว่าห่างไกลจากบรรทัดฐานมากเกินไป ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย  โดยจะพยายามจะทำให้บุคคลนั้นดูเป็น “แกะดำ” ไม่สมควรได้รับความสนใจหรือเคารพในความแตกต่างผ่านคำดูถูกต่างๆ

 

ทำไมคนเราจึงดูถูกกัน 

1.การดูถูก ถ่ายทอดมาจากสังคมที่อยู่ 

บางคน “ดูถูก” เนื่องจากสภาพสังคมและรูปแบบพฤติกรรมที่สืบทอดมา  

คนที่เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ การลดคุณค่า เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่ช้าก็เร็วในชีวิตพวกเขาทำซ้ำในสิ่งเดียวกันกับที่เคยพบมาก่อนในชีวิต ตามความเป็นจริง ด้วยการสื่อสารประเภทนี้ พวกเขากำลังทิ้งความคับข้องใจและความเจ็บปวดทั้งหมดที่พวกเขาสะสมไว้ในวัยเด็กเนื่องจากพฤติกรรมเดียวกัน

2.เพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง 

มหาวิทยาลัยบาธ (อังกฤษ) ได้ทำการวิจัย ซึ่งแสดงให้เราเห็น การดูหมิ่น ดูถูก 

มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมขององค์กร เพื่อพยายามมีตัวตน และมีอำนาจเหนือผู้อื่น 

3.คนหลงตัวเอง 

คนที่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมของพวกเขาส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร เราเรียกว่า หลงตัวเอง ซึ่งเขาจะชื่นชมแต่ตนเอง และ ดูถูกคนอื่น

4.ความเชื่อ

ความเชื่อว่าการดูถูกหรือ ใช้คำพูดไม่ดี จะทำให้เกิดเเรงผลักดัน เป็นความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมายาวนาน

5.โยนความผิด (Gaslighting) 

การที่เขาใช้คำพูดดูถูก เหยียมหยาม อาจเกิดการหลีกหนีความผิดของตัวเองด้วยการโยนมาให้เราแทน 

6.วิธีระบายอารมณ์ การดูถูกเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมในการควบคุมอารมณ์ของเรา ช่วยให้ปลดปล่อยความตึงเครียดและการกระตุ้นทางสรีรวิทยาที่เกิดจากความโกรธและความคับข้องใจ การดูถูกเป็นปฏิกิริยาหลักเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการระบาย นั่นหมายถึงยิ่งเราโกรธมากเท่าไหร่ การดูถูกก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

 

ข้อดีของคำดูถูก

1.ทำให้รู้ว่าใครเป็นอย่างไร “คำดูถูกสะท้อนถึงจิตใจของผู้พูด” เหมือนที่ Diogenes(ไดโอจีเนส) นักปรัชญาชาวกรีก กล่าวว่า “การดูถูกเป็นการดูหมิ่นผู้กล่าว ไม่ใช่ผู้รับ”

2.เพิ่มความมุ่งมั่นในการลบคำสบประมาท

ตัวอย่างคนดัง วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์  ผู้ก่อตั้ง Walt Disney เขาผ่านความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งและถูกดูถูกว่า  เขาไม่มีความคิดสร้างสรรค์และไม่มีไอเดียดีๆ อย่างตัวละคร “Mickey Mouse” ก็เคยถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นตัวละครที่เด็กผู้หญิงไม่มีวันชอบ แต่ คำดูถูก และการถูกปฏิเสธทำให้ Walter Elias Disney มุ่งมั่นลบคำสบประมาทเหล่านั้นและไม่ละทิ้งความฝันของตัวเองเพราะคำดูถูก ความมุ่งมั่นในการทำตามความฝัน และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองทำให้เขาประสบความสำเร็จ Mickey Mouse ก็เป็นตัวละครที่คนทั่วโลกรู้จัก รวมถึงผลงานอื่นๆของเขาก็เป็นที่ชื่นชอบของคนเกือบทุกช่วงวัย

3.บางคำดูถูกสะท้อนให้เห็นตัวเอง และอยากปรับปรุงแก้ไข และเป็นคนที่ดีขึ้น 

 

ข้อเสียของคำดูถูก

1.ทำลาย Self-esteem / Self-conficence : การสร้าง Self-esteem ไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีขั้นมีตอนมีระยะเวลาของมัน แน่นอนว่าการฟื้นฟู Self-esteem หลังการถูกทำลายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน 

2.ทำลายความสัมพันธ์ บางคนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เลยคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้ ยังไงก็จะอยู่ตรงนี้ มันไม่จริง เขาอาจจะเดินออกไปจากชีวิตเราก็ได้

3.สร้างความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่แท้จริงและยาวนาน

ไม่ใช่ทุกคนจะเก็บคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดันได้ มันสร้างบาดแผล ความเจ็บปวด ความกดดัน Caroline Bobbie นักจิตอายุรเวทที่ Sonder Health & Wellness ในราลี รัฐนอร์ทแคโรไลนา กล่าวว่า การดูหมิ่นสามารถ “สร้างความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่แท้จริงและยาวนาน” คำดูถูกสร้างความเจ็บปวดได้เหมือนตบหน้า  บทความที่ตี พิมพ์ใน  Frontiers in Communication

โดยนักวิจัย ทำการทดลอง โดยการวัด คลื่นไฟฟ้าสมอง และสื่อนำไฟฟ้าของผิวหนัง  ที่ตอบสนองต่อ ดำดูถูก คำสบประมาท โดยให้ผู้หญิงเข้าร่วมการทดลอง  79 คน อ่านข้อความ เชิงดูถูก เชิงลบ และกลาง ๆ จากคนที่ผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง และมาจากคนที่ไม่รู้จัก ผลปรากฏว่า คลื่นไฟฟ้าสมอง แสดงให้เห็นว่า คำดูถูกมีผลทางกายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เสมือนถูกตบหน้า ถึงแม้จะเกิดจากคนไม่รู้จักก็ตาม 

 

วิธีตอบโต้เมื่อเจอกับคำดูถูก

1.กำหนดช่วงเวลาให้ตัวเองมีสมาธิใหม่ โดยหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกช้า ๆ หันความคิดของคุณออกจากการวิจารณ์ภายนอกและหันกลับมาหาตัวเอง

2.ประเมินการดูถูก ใช้เวลาสักครู่เพื่อไตร่ตรองสิ่งที่บุคคลนั้นพูดอย่างมีวิจารณญาณ มีความจริงกับมันหรือไม่? มีเหตุผล เช่นความขัดแย้งครั้งก่อนหรือไม่ว่าทำไมบุคคลนี้อาจต้องการพยายามทำร้ายความรู้สึกของคุณ?

  • สำหรับการดูถูกที่เป็นความจริง ยอมรับว่าการไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่เป็นไร รู้ว่าทุกคนมีข้อบกพร่อง และทำการแก้ไข
  • สำหรับการดูถูกที่ไม่เป็นความจริง ให้เตือนตัวเองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงและไม่ได้สะท้อนถึงตัวคุณ
  • หลีกเลี่ยงการด่ากลับ เตือนตัวเองว่าสุดท้าย แล้วมันไม่มีประโยชน์ที่จะดูถูกคนอื่นเป็นการตอบแทน
  • หัวเราะ ออกมา เสียงหัวเราะทำให้เกิดการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นกลุ่มของฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกมีความสุข หรือร่าเริงได้ ใช้เวลาสักครู่เพื่อหัวเราะ และปล่อยให้สารเอ็นดอร์ฟินแทนที่ความรู้สึกตื่นตระหนกนั้นด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น  เตือนตัวเองว่าไม่มีใครรอดพ้นจากการดูหมิ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์ 

จากช่อง Marie Dubuque (มารี ดีบิวค์) เกี่ยวกับวิธีรับมือคนที่ดูถูกเราเเต่อ้างว่าเขาพูดเล่นเอง เขาบอกให้หัวเราะ เพราะคนที่ดูถูกอาจต้องการปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าเราเสียใจ เศร้าใจ เพื่อเพิ่ม power ให้ตัวเอง แต่ถ้าเราหัวเราะ เขาจะตกใจ เพราะไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าเราจะมีปฏิกิริยาแบบนี้  แต่อย่างที่พี่เจนบอกว่ามันค่อนข้างทำได้ยาก บางคนก็อาจจะทำแบบนี้ต่อไป ดูถูกต่อไป เพราะฉะนั้นอีกสิ่งนึงที่ทำได้คือการเว้นระยะห่าง เมื่อรู้ว่าคนนี้ไม่ได้หวังดีกับเรา การเว้นระยะห่างก็จำเป็น  

3.เว้นระยะห่าง / เดินออกมา : เมื่อประเมินและรู้แล้วว่า ไม่มีทางไหนที่จะหยุดเขาได้ การเว้นระยะห่างที่เหมาะสมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเผชิญหน้า เพราะการเปลี่ยนคนคนนึงเป็นเรื่องที่ยาก

 

ฮีลใจในวันที่โดนคนอื่นดูถูก

  1. ทบทวนตัวเอง ถ้าใช่ปรับปรุง ถ้าไม่ใช่ ถ้าเป็นคนสนิทก็อาจจะต้องบอกไปเลยว่าไม่โอเค แต่ถ้าไม่สนิทก็ไม่ให้ค่า
  2. ยึดมั่นใจคุณค่าที่มี เพราะคำพูดเหล่านั้นไม่สามารถลดทอนคุณค่าในตัวเราเองได้
  3. อยู่กับคนที่เห็นคุณค่าของเรา  อาจจะเป็นพ่อแม่ ญาติ เพื่อนของเราที่ไม่เคยตัดสิน ไม่เคยต่อว่าแบบไม่สมเหตุสมผล คนเหล่านี้ที่ไม่เคยดูถูกเราก็เพิ่มอำนาจในตัวเอง 

 

วิธีสร้างความมั่นใจในระยะยาว 

  1. เรียนรู้ที่จะยอมรับการดูถูก คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นพูด แต่การเรียนรู้ที่จะยอมรับการดูถูกนั้นต้องใช้ความมั่นใจมากกว่าการตอบสนองแบบอื่น ๆ มันแสดงให้เห็นว่าถ้าการดูถูกมาจากคนที่เราห่วงใย เรายินดีที่จะพิจารณาประเด็นของเขา ถ้ามันมาจากคนที่เราไม่สนใจ แสดงว่าเขาไม่มีผลกระทบต่อเรา
  2. วางแผนพัฒนาตนเอง  ใช้เวลาไตร่ตรองตัวเอง มองหาสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดอ่อน อย่าปล่อยให้การดูหมิ่นมากำหนดสิ่งที่เราเห็นในตัวเอง แต่ให้ระบุสิ่งที่เราต้องการปรับปรุง
  3. ล้อมรอบตัวเองด้วยคนดี วิธีหนึ่งที่ไม่เพียงแต่สร้างความมั่นใจแต่ยังลดการวิจารณ์ที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด คือล้อมรอบด้วยอิทธิพลเชิงบวก
  4. Positive Self-talk เมื่อเป้าหมายของเราอยู่ในระยะเริ่มต้น และมีคนบอกว่าเป้าหมายของเราไม่ดีหรือดูถูกว่าไม่สามารถทำได้ เราต้องบอกตัวเอง โดยเฉพาะเสียงในหัว ว่าพวกเขาคิดผิด เรามีสิ่งนี้อยู่ในตัว “ความมุ่งมั่นและความสามารถ” บอกตัวเองว่าเราเชื่อในเป้าหมาย เชื่อในตัวเองนะ
  5. เขียนสิ่งที่เราทำสำเร็จ ลองลิสต์ดูว่าที่ผ่านมามีเรื่องไหนบ้างที่เราตั้งใจทำ แล้วมันสำเร็จ เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจตัวเอง

 

อะไรบ้างที่ผลักดันคนนึงได้

จากตัวเอง 

  1. การสร้างเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
  2. ความฝัน ความมุ่งมั่น Passion หรือ ความชอบ  จะช่วยให้เราไปถึงจุดที่เราวางเป้าหมายได้แบบสนุก และไม่กดดัน 
  3. ความเป็นอยู่ที่ดี เช่น การเงิน การงาน ฐานะ สุขภาพร่างกาย จิตใจ
  4. การเห็นคุณค่าในตัวเอง 

 

จากคนอื่น

1.คำชมก็เป็นกำลังใจได้เหมือนกัน “ชมมากเดี๋ยวเหลิง”  คำนี้มีส่วนจริงอยู่บ้าง ถ้าหากว่าคำชมนั้นไม่จริง อาจทำให้เหลิงได้ แต่ถ้าชมในสิ่งที่จริง จะทำให้เขาเห็นคุณค่าในตัวเอง เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ มีแรงใจไปทำตามเป้าหมายต่อ

2.การไม่ตัดสิน  จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราเข้าใจ เราหวังดี ผ่านการไม่ตัดสินว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด ไม่ดี ไม่ควร 

3.ความรักและแรงซัพพอร์ตจากคนรอบตัว สิ่งนี้สำคัญเสมอ ไม่ว่าเป็นเป้าหมายระยะสั้นหรือระยะยาว การมีเเรงซัพพอร์ตก็เหมือนเเรงพยุงที่ทำให้เราสู้ต่อในวันที่ไม่ไหว 

4.ฟีดแบค เหมือนที่เราเคยได้ยินกันว่า ติเพื่อก่อ บางครั้งการทำอะไรสักอย่าง คำชมไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเพียงอย่างเดียว ฟีดแบคก็สำคัญ จะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหนบ้างเพื่อให้ดีขึ้น 

ฟีดแบค VS ดูถูก แตกต่างกัน เช่น ถ้าเราจะเปิดร้านอาหาร ดูถูกจะประมาณว่า ไม่มีคนซื้อหรอก เดี๋ยวก็เจ๊ง แต่ถ้าฟีดแบคจะประมาณว่า เสริมตรงนี้ก็ดีนะ เพิ่มเมนูนี้สิน่าสนใจ เมนูนี้คนเเถวนี้ไม่ค่อยชอบ เปลี่ยนเป็นเมนูอื่นดีไหม ฟีดแบคจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี

 

 

ที่มา:

people-who-insult-others-why-do-they-do-it

5mostinfluentialpersons

why-an-insult-can-feel-like-a-verbal-slap-in-the-face#Words-can-hurt

insulting-a-person-types-of-insults