แฟนเปลี่ยนไป

แฟนเปลี่ยนไป ทำยังไงดี ?

เรื่องAdminAlljitblog

คนเราเปลี่ยนแปลงกันทุกวัน แต่ถ้าหากวันหนึ่ง แฟนเปลี่ยนไป  เราจะทำอย่างไรดี?

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

รับมือกับสถานการณ์ แฟนเปลี่ยนไป ได้อย่างไร

สายลมยังเปลี่ยนทิศ หัวใจของคนเราก็อาจจะเปลี่ยนไปอาการเปลี่ยนไปของแฟนอาจจะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับคุณได้. .

 

ไม่ว่าแฟนคุณจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน คุณก็อาจจะรู้สึกแปลกใจได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากวันหนึ่งแฟนคุณเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี

 

อาจจะเกิดข้อสงสัยว่าทำไมเขาถึงเอาใจคุณมากขึ้นกว่าเดิม แฟนคุณเขาต้องการอะไรหรือเขาไปทำอะไรผิดมารึเปล่า?

 

แต่ในทางกลับกันถ้าแฟนคุณเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ดี เช่น แฟนดุมากขึ้น ไม่สนใจ แคร์คุณน้อยลง พูดจาไม่ดี ไม่ใส่ใจเหมือนแต่ก่อน ไม่น่ารักเหมือนเคย

 

อาจจะมองว่าแฟนคุณเขาเปลี่ยนไป แฟนคุณกำลังหมดรัก แฟนคุณเขากำลังนอกใจ หรือแฟนคุณเขากำลังแอบคุยกับใครอยู่หรือเปล่า 

 

ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ก่อนว่า คนเราเปลี่ยนแปลงกันทุกวัน เติบโตกันขึ้นทุกวัน และคู่รักมักจะมีช่วงฮันนีมูนพีเรียด

 

คือเป็นช่วงที่อะไร ๆ ก็ดีไปหมด ทุกอย่างหวานชื่น แต่ถ้าหมดช่วงนี้ไปคู่รักต้องใช้ชีวิตแบบตัวตนของกันและกันจริง ๆ

 

ซึ่งก่อนที่คุณจะคิดว่าเขาเปลี่ยนไป อยากให้ลองถามตัวเองดูก่อนว่า ก่อนหน้านี้ตัวคุณนั้นรู้จักเขาดีแล้วหรือเปล่า?

 

เขาเปลี่ยนไปหรือตัวคุณเองที่เพิ่งได้รู้จักเขามากขึ้นกว่าเดิม อยากจะขอพูดถึงเรื่องกับดักทางความคิด ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้จักเขาดีคิดว่าเขาต้องเป็นแบบนั้น เขาต้องเป็นแบบนี้

 

ซึ่งนั่นคือความคิดของคุณที่คิดว่าเขาเป็นแบบนั้นมากกว่าตัวตนของเขาจริง ๆ เพราะต่อให้เขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน คุณจะมองเห็นเขาแค่สิ่งที่คุณจินตนาการอยู่มากกว่ามองตัวตนที่แท้จริงของเขา

พูดถึงคำว่า แฟนเปลี่ยนไป

ดูเหมือนเป็นโจทย์ร่วมกันของคนสองคน แต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นโจทย์ของตัวคุณคนเดียว อยากให้คุณลองฟังเสียงของหัวใจตัวเองจริง ๆ มากกว่า ว่าแท้จริงแล้วตัวคุณนั้นกำลังทุกข์เพราะอะไร คนเราไม่ได้ซื่อตรงกันทุกคน

 

อาจจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเกิดความรู้สึกเบื่อ แอบนอกใจ แอบคุยกับคนอื่น หรือไปซื้อบริการ (ต้องขอชี้แจงว่าไม่ได้กล่าวหาใครแต่มาจากประสบการณ์ในความเป็นจริง)

 

จึงอยากจะบอกให้เข้าใจว่าคนเราอาจจะเปลี่ยนไปด้วยพฤติกรรมบางอย่างและด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณต้องมองว่าสิ่งที่เขาเปลี่ยนไปนั้นสร้างอะไรให้กับตัวคุณและตัวเขาหรือเปล่า ซึ่งถ้าอีกฝ่ายเป็นคนรักที่ดีสำหรับคุณ

 

คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เลยว่าเขาเปลี่ยนไปเพราะอะไร เพียงแค่คุณอาจจะมีการพูดคุยกับเขา บอกให้เขาได้รับรู้ว่าคุณรู้สึกเช่นไร

 

จากนั้นเขาจะแสดงออกด้วยการขอโทษคุณ กลับมาดูแลใส่ใจคุณ รักษาความสัมพันธ์นี้เพื่ออยู่กับคุณตลอดไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาอาจจะแค่เผลอละเลยไปชั่วขณะหนึ่งก็เท่านั้น

 

ขอยกตัวอย่างคู่รักคู่หนึ่งที่คบกันมาเป็นเวลา 8 ปี ฝ่ายหญิงอยากแต่งงาน แต่ทางบ้านฝ่ายชายกำลังประสบปัญหาเรื่องธุรกิจที่บ้าน

 

ฝ่ายชายจึงเปลี่ยนไป ไม่ค่อยตอบแชท ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะฝ่ายชายต้องคอยหาวิธีคิดเพื่อไม่ให้ธุรกิจที่บ้านล้มละลาย

 

และด้วยความที่ฝ่ายชายคิดว่าไม่อยากเอาความทุกข์ในเรื่องนี้ไปวางที่ฝ่ายหญิง จึงมีการโทรคุยหากันเพียงเดือนละ 1 ครั้ง

 

จนสุดท้ายฝ่ายหญิงไม่สามารถรอเขาต่อไปได้จึงต้องการเลิกลากับฝ่ายชาย เรื่องนี้ไม่มีฝ่ายใดผิดหรือถูก

 

การตัดสินเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งฝ่ายชายรู้ดีว่าเหตุผลนั้นเพราะตัวเองเปลี่ยนไป และเขาก็เคารพในการตัดสินใจของฝ่ายหญิงรวมถึงเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง

 

เรื่องนี้จึงบอกให้รู้ว่า ทุกเรื่องราวในชีวิตของคนเรานั้นมีจุดที่เราต้องหันมามองความทุกข์ของตัวเอง และรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจในแต่ละครั้งให้ออกมาดี

หากวันนี้แฟนของคุณเปลี่ยนไป

หากวันนี้แฟนของคุณเขากำลังเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเพราะอะไร ไม่ต้องตั้งเป้าหมายว่าเขาเปลี่ยนไปเพราะใคร 

 

แค่คุณถามความรู้สึกของตัวเองดูก่อนว่า ตอนนี้คุณคิดว่าคุณไหวไหม? คุณพร้อมยอมรับในการตัดสินใจของตัวคุณเองหรือเปล่า?

 

ลองสำรวจหัวใจตัวเองให้แน่ชัดว่าคุณอยู่แบบนี้ได้หรือไม่ได้ เพราะสิ่งสำคัญที่อยากจะบอกคือทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

 

กาลเวลาทำให้คนเราทุกคนเปลี่ยนไป นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเราเปลี่ยนการดำเนินชีวิต เปลี่ยนแผนการชีวิต เปลี่ยนวิถีชีวิตและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกว่าแฟนของคุณเขากำลังเปลี่ยนไป

 

ถ้าหากวันนี้คุณรู้คำตอบของหัวใจตัวเองและแน่ชัดแล้วว่าคุณสามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางไหน เช่น คุณคิดที่จะถอย คุณคิดที่จะอยู่ คุณคิดที่จะสืบ หรือคุณคิดที่จะเอาชนะ เอาเสียงนั้นมาสำรวจการ

 

เปลี่ยนแปลง และเลือกทางเดินของตัวเองรวมถึงรับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้