คิดแบบเด็กทำแบบผู้ใหญ่

พลังแห่งการสร้างหัวใจแบบเด็ก และลงมือทำแบบผู้ใหญ่

เรื่องAdminAlljitblog

ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ใคร ๆ ก็อยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองคาดหวังและตั้งใจกันทั้งนั้น

 

การหาสมดุลของวิธีการคิดและลงมือทำที่จะนำไปสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จด้วยตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ คืออะไร

 

“คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่” พอมาตกตะกอนกับตัวเองดี ๆ ก็รู้สึกว่า ถ้าพูดถึงคนในวัยทำงาน

 

การเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีความสดใสและสร้างสรรค์อย่างเด็ก มันจะเป็นยังไงกันนะ 

 

คิดแบบเด็ก คือ ความคิดที่มีอิสระ ไม่เขินอายที่จะจินตนาการ ไม่มีกฎเกณฑ์หรือกติกาในการคิดว่าให้คิดอยู่ในกรอบเท่านั้น

ทำให้เด็กหลายคนมักจะเกิดมุมมองที่ผู้ใหญ่ชื่นชมว่า เด็กคนนี้มีความคิดที่สร้างสรรค์

 

การลงมือทำแบบผู้ใหญ่ คือ การทำงานที่มีการวางแผน คิดก่อนทำ สามารถประเมินผลงาน พัฒนางาน บริหารจัดการเวลาและงานต่าง ๆ ได้อย่างรัดกุม 

 

 

เมื่อนำความคิดแบบเด็กมารวมกับการทำงานแบบผู้ใหญ่ ผลงานที่ออกมาก็จะมีความโดดเด่น

 

น่าสนใจด้วยความคิดจินตนาการและการลงมือทำที่ทำให้จินตนาการนั้นเกิดขึ้นจริงและมีความสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้

 

จริง ๆ ในแต่ละช่วงชีวิตเรา แน่นอนว่าบุคลิกนิสัยเราจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมรอบข้าง

 

ไม่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน ช่วงเวลาใด เพียงแค่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ตอนนี้เราเป็นคนแบบไหน คนแบบไหนที่เราอยากเป็น และเราจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร

 

 

ลักษณะคนที่คิดแบบ…ลงมือทำแบบ…

 

คิดแบบเด็ก ทำแบบเด็ก จะเป็นการทำงานที่ขาดการวางแผน ขาดวินัย ไม่มีระเบียบขั้นตอน พูดง่าย ๆ คือ เอาความสนุกเป็นที่ตั้ง

 

สุดท้ายงานที่ออกมาก็อาจจะไม่เหมาะสมกับความสามารถที่แท้จริง

 

คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่  คือ คนที่มีความคิดจินตนาการและลงมือทำด้วยการวางแผนที่ชัดเจน

 

ผลงานที่ออกมาก็จะมีความสร้างสรรค์แบบเด็กและเป็นไปได้ด้วยการลงมือทำแบบผู้ใหญ่ ก็จะทำให้ผลงานมีความน่าสนใจและมีโอกาสทำจนสำเร็จ 

 

คิดแบบผู้ใหญ่ แล้วทำแบบเด็ก แบบนี้คงเดาไม่ยากใช่ไหมว่างานที่ออกมาก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้

 

เพราะหากเราคิดการใหญ่ วางแผนไว้อย่างดีเหมือนผู้ใหญ่แต่ถึงเวลาดันลงมือทำงานแบบเด็กที่อาจจะมีความอดทนน้อย

 

อาจจะทำนอกขอบเขตที่วางไว้ ก็จะมีความขัดแย้งกันจนงานอาจจะไปต่อไม่ได้หรือมีความยากในการทำให้สำเร็จ

 

คิดและทำแบบผู้ใหญ่ การทำให้ตัวเองดูโตสุด แต่ถ้าเราลองมองว่าถ้ามีแต่ความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัวตลอดเวลา

 

งานที่ออกมาก็อาจจะมีความน่าเบื่อ เรียบ ๆ เดิม ๆ ได้ ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหมที่จะคิดและทำแบบผู้ใหญ่ ไม่ผิด

 

บางเวลาเราก็ต้องการและจำเป็นต้องใช้ความคิดและทำแบบผู้ใหญ่ เพียงแค่ระหว่างทางการทำงาน 

 

บรรยากาศอาจจะไม่สนุกผ่อนคลายเท่าการใส่ความเป็นเด็กลงไปในงานด้วยเท่านั้นเอง

 

 

คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่การเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก

 

แต่ทั้งนี้ เพื่อน ๆ คิดว่า การคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ ความหมายต่างจากผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็กไหม

 

เมื่อพูดถึงผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงคนที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่ความคิดยังเด็ก ไม่เหมาะสมกับวัยที่ควรจะเป็น

 

เพราะการคิดแบบเด็ก อาจจะมองได้สองนัยยะ นัยยะแรก ก็คือการนำมุมมองแง่ดีของเด็กมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างที่เราพูดกันมา

 

เช่น ความคิดที่สร้างสรรค์ ไม่ยึดติดกรอบเดิม การใส่ความสนุกลงไปในงานที่ทำ

 

และการคิดแบบเด็กใน อีกนัยยะ คือ คิดอะไรก็ทำแบบนั้นโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน และถ้ามองลึกลงไปในความหมายนี้ ก็อาจมีความใกล้เคียงกับการคิดและทำแบบเด็ก

 

หากเปรียบให้เห็นภาพมากขึ้น คงเหมือนกับการที่ผู้ใหญ่คนนึงแต่งตัวดีใส่ชุดสูท แต่แต่ละความคิดที่พูดออกมา

 

ผู้ที่ฟังล้วนแต่ส่ายหน้าให้กับความคิดที่โตแต่ตัวเหล่านั้น แบบนี้คงไม่มีใครอยากพูดด้วย

 

เพราะการจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอย่างเหมาะสม ต้องรู้จักการแสดงออก การวางตัว และการลงมือทำให้เป็นด้วย 

 

เพราะการเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก เหมือนมันมีความไม่ชัดเจนแทรกอยู่ตรงที่คิดแบบเด็กแล้วจะลงมือทำแบบไหน

 

เราที่ฟังจะสามารถไว้ใจคนที่พูดแบบนี้ได้จริงไหม แต่การคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่

 

มันมีแนวทางชัดเจนในตัวเองแล้วว่าถึงเราจะคิดแบบเด็กแต่เราจะลงมือทำแบบผู้ใหญ่ให้เห็น

 

คนฟังก็จะมีความมั่นใจในตัวเราได้มากกว่า ดังนั้น การเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็กก็ต้องดูที่วิธีการคิดและการลงมือทำอีกทีเนอะว่าคิดแล้วจะลงมือทำแบบไหน

 

ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของการคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ คือ คน ๆ นั้นสามารถเป็นใครในวัยไหนก็ได้

 

เด็กประถมมัธยมก็สามารถเป็นคิดแบบเด็กและลงมือทำแบบผู้ใหญ่ได้เช่นกัน

 

 

วิธีการคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่

 

คนไหนอยากทำงานด้วยความคิดที่สดใหม่แบบเด็ก และมีความมั่นคงแบบผู้ใหญ่

 

สามารถทำได้โดยเริ่มจากการคิดนอกกรอบแต่อยู่บนความเป็นจริง คือ การคิดแบบมีความสุข ตื่นเต้น กล้าคิดกล้าทำ อย่าเพิ่งกลัวไปก่อน

 

ไม่ยึดติดกับการคิดแบบเดิม และจินตนาการเหล่านั้นก็ต้องไม่แฟนตาซีจนเกินขอบเขตความเป็นจริงมากเกินไป

 

รวมถึงสามารถนำหลักทางจิตวิทยาต่าง ๆ มาใช้ร่วมด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • จิตวิทยาการมองโลกในแง่บวก และจิตวิทยาความสุข ซึ่งก็คือการมองเห็นและคิดถึงความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทางที่จะพาเราไปสู่เส้นชัยความสำเร็จ 

 

  •  จิตวิทยาการรักตัวเอง เพราะเมื่อเรารักตัวเอง สิ่งที่ทำเพื่อตัวเอง เราก็จะคิดและทำแต่สิ่งดี ๆ และเมื่อเรารักตัวเองแล้ว มวลความสุขเราก็จะเผยแผ่ไปยังผลงาน เผยแผ่ไปถึงคนรอบข้างได้มีความสุขและชื่นชอบที่จะอยู่ใกล้เราก็อาจส่งผลให้เกิดการซัพพอร์ตกันและกันได้ จนนำไปสู่การสร้างมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับผู้อื่น เพราะยังไงมนุษย์เราก็เป็นสัตว์สังคมและจะรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้รับและให้ความรัก  

 

 

ผลของการคิดแบบเด็กและทำแบบผู้ใหญ่

สุดท้าย ผลของการคิดแบบเด็กและทำแบบผู้ใหญ่ จะทำให้เรามีมุมมองความคิดที่ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ กว้างไกล

 

เกิดความสนุกในการทำงาน และยังมีการตระหนักเท่าทันความคิดที่จะนำไปใช้แบบผู้ใหญ่

 

ความคิดเหล่านั้นย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และจะเกิดประโยชน์กับเราและสังคมได้แน่นอน

 

ในวันนี้ เราอาจจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน อาจจะยังไม่ได้เป็นคนในแบบที่เราต้องการได้อย่างสมบูรณ์พอใจ

 

หรือบางคนก็อาจจะยังค้นหาตัวตนตัวเองอยู่ เพราะมิติของตัวตนมีหลากหลายมากมายเหลือเกิน

 

มีตัวเราในแต่ละเวอร์ชันอีกตั้งมากมายที่รอให้เราได้ค้นพบ ไม่ต้องกดดันตัวเองมากจนเกินไป ใช่ว่าตื่นมาพรุ่งนี้

 

เราจะต้องเป็นคนที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซนต์ พวกเราต่างกำลังเรียนรู้ความเป็นตัวเองอยู่ในทุกนาที

 

และถ้าเราเกิดความรู้สึกว่าอยากปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น นี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพาตัวเราเองไปสู่ตัวเองที่ดีขึ้น