สิ่งสำคัญในชีวิตคุณ

สิ่งสำคัญของชีวิต

เรื่องAdminAlljitblog

สิ่งสำคัญของชีวิต คืออะไร? เป็นคำถามสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่การที่จะหาคำตอบนั้นต้องบอกว่าไม่ง่ายเลย

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับ อ่านแล้ว อ่านเล่า (ธนานนท์ โดมทอง) จะพาคุณท่องเข้าไปในโลกของหนังสือ พร้อม ๆ กับท่องเข้าไปในจิตใจของตัวคุณเอง

สิ่งสำคัญของชีวิต

สิ่งสำคัญของชีวิต เป็นหนังสือที่ถอดเอาบทสัมภาษณ์ที่ผู้เขียนคือ คุณนิ้วกลม ได้พูดคุยและสัมภาษณ์ คุณมานิต อุดมคุณธรรม นักธุรกิจผู้ที่ประสบความสำเร็จ

 

โดยคุณมานิตเป็นผู้ที่ก่อตั้งห้างโรบินสัน เป็นประธานกรรมการบริหารของ บริษัทโฮมโปร แล้วก็เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท S Fair,bj jeans และโครงการสวอนเลค

 

แม้ว่าคุณมานิตจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจมากมาย แต่กลับมีการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย รวมไปถึงหลักการที่การดำเนินชีวิตที่น่าสนใจมากมาย 

ไม่ว่าจะทำอะไรทำให้ดีที่สุด

บทแรกที่เลือกมา คือ ไม่ว่าจะทำอะไรทำให้ดีที่สุด คุณมานิตพูดเป็นคนไม่ยอมแพ้ ได้เล่าถึงสมัยที่เรียนอยู่มัธยมศึกษา อาจารย์ให้โอวาทว่า

 

“ไม่ว่าเราจะเรียนอะไรมาก็ตามอย่าเลือกแค่งานตามที่เราเรียนมาเท่านั้น เมื่อได้งานแล้วไม่ว่าจะเป็นงานอะไรหน้าที่ของคุณก็คือต้องทำมันให้ดีที่สุด”

 

เช่น ถ้าคุณเป็นคนกวาดถนนคุณต้องเป็นคนกวาดถนนที่สะอาดที่สุด หลายงานเลยที่เราไม่ชอบแล้วก็ทำไม่เต็มที่ อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้ว เราทำให้เต็มที่กับทุกงานมันจะกลายเป็นมาตรฐานของตัวเราเป็นแบรนด์ของเราแล้วก็จะติดตัวเราไปตลอด

เงื่อนไขมีเอาไว้ชนะ

คุณมานิตนี้ได้เล่าว่าพออายุ 40 ผ่านการทำงานหนัก เกิดภาวะเครียดอยากออกกำลังกาย ก่อนออกกำลังกายคุณมานิตได้ไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ พอหมอตรวจร่างกายเสร็จก็บอกว่า

 

อยากให้คุณมานิตล้มเลิกความคิดการออกกำลังกายเพราะขาคุณมานิตผอมมากไม่มีกล้ามเนื้อไม่สามารถที่จะวิ่งได้หรอก

 

คุณมานิตก็ไม่ยอมแพ้เลยเปลี่ยนหมอไปเรื่อย ๆ จนไปเจอคุณหมอที่บอกว่าสามารถออกกำลังกายด้วยการวิ่งได้ แต่ก่อนจะไปวิ่งคุณหมอให้พ่วงทรายไว้ที่เท้าก่อนแล้วให้ออกแรงยกทุก ๆ วัน

 

แล้วก็เพิ่มน้ำหนักไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ขามีกล้ามเนื้อขึ้นมาสามารถที่จะวิ่งได้โดยไม่บาดเจ็บ มันคือความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรก็ต้องทำได้จริง ๆ 

ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์

คุณมานิตแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า เวลาที่มีอารมณ์โกรธให้เบนความสนใจ ของสมองไปที่อื่นเพื่อที่จะให้ลืม ความโกรธเหมือนกับกาต้มน้ำที่วางอยู่บนเตาร้อน ๆ เมื่อเรายกกาน้ำร้อนแยกออกซักพักเดียวมันจะเย็นลงเอง เหมือนก็จิตใจของเรา

ใช้หัวใจเอาชนะชะตากรรม

คุณมานิตได้เล่าถึงตอนที่ไปนั่งภาวนาในสถานปฏิบัติธรรม แล้วก็เกิดอาการผิดปกติขึ้น พอดีว่ามีพระองค์หนึ่งที่เป็นหมอมาตรวจดูรู้สึกว่าคล้ายกับอาการ stroke คือคล้ายกับเส้นเลือดในสมองแตก

 

อาการนี้เกิดขึ้นช้ามาก ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าฝึกสมาธิมานาน

 

พอไปสแกนสมองคุณหมอวิเคราะห์ว่าจะต้องใช้เวลาในการรักษา ต้องให้ร่างกายพัฒนากลับขึ้นมาโดยการทำกายภาพกระตุ้นเซลล์ที่ตายให้ตื่นตัวกลับขึ้นมา

 

คุณมานิตไปทำกายภาพด้วยความกระตือรือร้น เมื่อตัวขยับไม่ได้ก็ขยับด้วยใจ คุณมานิตได้ขอให้ภรรยาช่วยแค่ 4-5 วันแรก วันที่เหลือถ้าไม่มีแรงจะไปห้องน้ำก็จะพยายามไปเอง เหมือนเป็นการตัดสินใจเพื่อให้เอาชนะสิ่งที่ยากลำบากที่เกิดขึ้น

แนวคิด 20 80 หรือที่เรารู้จักกันในนามของกฎของพาเรโต้ 

คุณมานิตได้เปรียบการใช้กฎ 20 80 กับเรื่องพื้น ๆ เช่น เรื่องเสื้อผ้าถ้าเรามีเสื้อผ้าอยู่ในตู้ 100% จริง ๆ แล้วเราใช้เสื้อแค่เหล่าแค่ 20% เราจะใส่แต่เสื้อตัวเก่งหรือที่เราชอบ

 

เหมือนกับเอกสารที่เราเก็บเอาไว้ 80% ส่วนใหญ่เราไม่เคยเอามันออกมาดู หรือแม้แต่เวลาทำงานเราใช้เวลาทำงานจริง ๆ จังแค่ 20% เท่านั้นเองที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วน 80%

 

ในการทำงานเราค่อนข้างใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพ คุณนิ้วกลมถามขึ้นมาว่าแล้วเราจะมีวิธีการจัด การกับ 80% ที่เราไม่ได้ใช้ยังไงดี คุณมานิตบอกกว่าให้เราทิ้งไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา

 

แล้วเราก็จะได้มีพื้นที่ในการทำอย่างอื่นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ความรับผิดชอบในสิ่งที่เคยพูดออกมา

บางคนไม่มีวินัยไม่มีจุดยืนกับคำพูดของตัวเอง ทำไปสักพักนึงก็เบื่อแล้วเราต้องเอาชนะความเบื่อของเราให้ได้ ให้เกียรติคำพูดของเราเอง ถ้าเราไม่ให้เกียรติแล้วใครจะมาให้เกียรติเรา การรักษาคำพูดจะทำให้เราน่าเชื่อถือแล้วคำพูดของเราจะศักดิ์สิทธิ์

อย่ากลัวว่าตัวเองจะดูไม่ดี

ถ้าเราเป็นหัวหน้าลูกน้องเราทำผิด อย่าพึ่งโทษลูกน้อง ให้มองที่ตัวเราก่อนเพราะอาจจะเป็นที่ตัวเราเองสอนลูกน้องไม่ดี 

การสอนลูกตัวเอง

มองให้เห็นคุณค่าของคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว คุณมานิตสอนลูกเอาไว้ว่าอย่าไปดูถูกคน ไม่ว่าจะเป็นคนสวนหรือว่าคนงาน ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีพวกเรา

 

ทั้งหมดเป็นบางส่วนที่เลือกมาเล่า ข้อคิดที่ดีที่สุดคือ “สุดท้ายแล้วชีวิตที่เรียบง่ายและสงบคือสิ่งที่ดีทีสุดในความวุ่นวายของโลกปัจจุบัน”